โพรเบเนซิด (Probenecid)

โพรเบเนซิด (Probenecid)

Probenecid (โพรเบเนซิด) เป็นยารักษาโรคเก๊าท์ แต่จะไม่ใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการเฉียบพลันหรือรุนแรง  โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ช่วยให้ไตขับกรดยูริกออกมาทางปัสสาวะได้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ปริมาณกรดยูริกในร่างกายลดลง และอาจใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น ๆ อย่างยากลุ่มเพนิซิลลิน (Penicillin) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย

Probenecid

เกี่ยวกับยา Probenecid

กลุ่มยา ยาช่วยขับกรดยูริก
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาโรคเก๊าท์ ใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่ เด็ก
รูปแบบของยา ยารับประทาน
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป สตรีมีครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์จึงควรปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา เช่นเดียวกันกับผู้ที่กำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตัวยาจะซึมผ่านน้ำนมมารดาและก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกหรือไม่

คำเตือนในการใช้ยา Probenecid

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยา Probenecid รวมถึงยาและสารอื่น ๆ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับยานี้จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะยาพาราเซตามอล ยาลอราซีแพม (Lorazepam) ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin) ยารักษาโรคเบาหวานชนิดรับประทานบางชนิด ยากลุ่มซัลฟา และยากลุ่มเอ็นเสด (์NSAID)
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการใช้ยาหากผู้ป่วยเป็นโรคไต นิ่วในไต แผลในกระเพาะอาหาร ภาวะพร่องเอนไซม์บางชนิด และเคยหรือกำลังเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง 
  • หากมีโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการใช้ยา เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการไม่ควรรับประทานยานี้ เช่น โรคเลือดอย่างโลหิตจางหรือระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำ นิ่วในไตที่เกิดจากกรดยูริก โรคเก๊าท์ที่กำเริบเฉียบพลันหรือรุนแรง   
  • แจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือการรักษาทางทันตกรรมใด ๆ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีส่วนผสมของยาแอสไพรินหรือยาซาลิไซเลต (Salicylates) ขณะใช้ยานี้ หากต้องการหรือจำเป็นต้องรับประทานยาแก้ปวดควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องอาศัยความตื่นตัวอยู่เสมอจนกว่าจะแน่ใจว่ายาไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เพราะยานี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเวียนศีรษะได้
  • ผู้ป่วยสูงอายุอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากกว่าวัยอื่น เนื่องจากการทำงานของไตจะเสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น และยานี้จะถูกขับออกโดยไต    
  • ห้ามใช้ยา Probenecid ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี 

ปริมาณการใช้ยา Probenecid

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

โรคเก๊าท์

ตัวอย่างการใช้ยา Probenecid เพื่อรักษาโรคเก๊าท์ 

ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นปรับปริมาณเพิ่มเป็น 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หากจำเป็นอาจเพิ่มปริมาณยาได้จนถึง 2 กรัม วันละ 1 ครั้ง โดยให้เพิ่มครั้งละ 500 มิลลิกรัม ทุก 4 สัปดาห์ 

การติดเชื้อแบคทีเรีย

ตัวอย่างการใช้ยา Probenecid ร่วมกับยาปฏิชีวนะบางชนิด เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย 

ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง และการรักษาโรคหนองในแท้ชนิดไม่มีภาวะแทรกซ้อน ให้รับประทานยาเพียงครั้งเดียวในปริมาณ 1 กรัม ร่วมกับยาปฏิชีวนะ หรือรับประทานยานี้ก่อนการฉีดยาปฏิชีวนะประมาณ 30 นาที 

เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปและเด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม เริ่มใช้ยาปริมาณ 25 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จากนั้นรับประทานยาปริมาณ 40 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยแบ่งรับประทานวันละ 4 ครั้ง      

การใช้ยา Probenecid

วิธีการใช้ยาเพื่อความปลอดภัยมีดังนี้

  • ใช้ยา Probenecid และยาชนิดอื่น ๆ ตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
  • ดื่มน้ำให้มากเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไตขณะใช้ยานี้ หากต้องจำกัดปริมาณน้ำในแต่ละวัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ 
  • รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือพร้อมยาลดกรด เพื่อป้องกันท้องไส้ปั่นป่วนจากผลข้างเคียงของยา
  • รับประทานยา Probenecid อย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการรักษาโรค
  • แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีน (Purine) ต่ำในระหว่างที่ใช้ยานี้ 
  • ผู้ป่วยอาจเสี่ยงเกิดโรคเก๊าท์กำเริบเฉียบพลันหรือรุนแรงเป็นเวลาหลายเดือนในระหว่างที่ใช้ยานี้ จึงอาจต้องรับประทานยารักษาโรคเก๊าท์ร่วมด้วยตามที่แพทย์เห็นสมควร 
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของโรคเก๊าท์ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงหลังการใช้ยา Probenecid แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาโคลชิซิน (Colchicine) เพิ่มเติม  
  • หากผู้ป่วยลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงช่วงเวลาของยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามเวลาปกติ โดยห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า 
  • หากผู้ป่วยใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนดอาจก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไม่สบายท้อง ชัก หมดสติ หรือหายใจลำบากได้ ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความชื้น ความร้อน และแสงแดด โดยเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง 

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Probenecid

ยา Probenecid มักก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ เจ็บเหงือก ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ หน้าแดง ผื่น คัน หรือผมร่วง หากอาการที่เกิดขึ้นไม่หายไปควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม และหากเกิดอาการรุนแรงหรือพบได้ยากต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปปรึกษาแพทย์ทันที  

  • มีสัญญาณของการแพ้ยา เช่น ผื่น คัน ลมพิษ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง มีปัญหาในการหายใจ อาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอ
  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องบวม
  • ปวดหลังส่วนล่างหรือข้างลำตัวอย่างรุนแรง 
  • ปัสสาวะลำบากหรือเจ็บขณะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่นหรือเป็นฟอง
  • ตาบวม ข้อเท้าหรือเท้าบวม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
  • ผิวซีดหรือเหลือง
  • มีสัญญาณของการติดเชื้อ อย่างมีไข้หรือเจ็บคอ

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยพบผลข้างเคียงหรือความผิดปกติอื่น ๆ หลังจากการใช้ยา Probenecid นอกเหนือจากนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม