ไลนากลิปติน (Linagliptin)
Linagliptin (ไลนากลิปติน) เป็นยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยตัวยาจะช่วยเพิ่มการผลิตสารอินครีติน (Incretin) ให้แก่ร่างกาย สารนี้ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดการผลิตน้ำตาลจากตับ ซึ่งยา Linagliptin จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผู้ป่วยควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมในระหว่างการใช้ยา นอกจากนี้ อาจมีการใช้ยา Linagliptin บรรเทาอาการอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ด้วย
เกี่ยวกับยา Linagliptin
กลุ่มยา | ยากลุ่ม Dipeptidyl Peptidase-4 (DPP-4) Inhibitors |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตรเพื่อความปลอดภัยของทารก เนื่องจากยังไม่สามารถระบุว่าตัวยาสามารถปนเปื้อนผ่านน้ำนมแม่ได้หรือไม่ |
คำเตือนในการใช้ยา Linagliptin
ข้อควรทราบเพื่อความปลอดภัยก่อนการใช้ยา Linagliptin มีดังนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากมีประวัติแพ้ยา Linagliptin แพ้ยาชนิดอื่น ๆ หรือสารอื่นที่อาจเป็นส่วนประกอบของยาชนิดนี้ ผู้ป่วยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับส่วนประกอบของยา Linagliptin ก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เช่น ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin) ยาริโทนาเวียร์ (Ritonavir) หรือยารักษาโรคเบาหวานชนิดรับประทานอื่น ๆ เนื่องจากยาดังกล่าวอาจทำให้ประสิทธิภาพของยา Linagliptin ลดลง หรืออาจทำให้ผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้
- เมื่อใช้ยา Linagliptin ร่วมกับยาโรคเบาหวานแบบรับประทานชนิดอื่น ๆ อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ภาวะเลือดเป็นกรด (Diabetic Ketoacidosis: DKA) หรือเคยป่วยด้วยภาวะไตรกลีเซอไรด์สูง โรคตับอ่อนอักเสบ โรคไต โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคพิษสุราเรื้อรัง หัวใจทำงานผิดปกติ
- ก่อนรับการรักษาทางทันตกรรมหรือการผ่าตัดใด ๆ ต้องแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่ใช้ รวมถึงยา Linagliptin วิตามิน อาหารเสริม หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่
- แพทย์จะใช้ยา Linagliptin กับผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ในกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น
- ห้ามใช้ยา Linagliptin ในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี
- ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการขับรถ การทำกิจกรรมที่ต้องตื่นตัวหรือการใช้เครื่องจักร เนื่องจากยา Linagliptin อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการใช้ยา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเช่นกัน
ปริมาณการใช้ยา Linagliptin
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยา Linagliptin ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยตัวอย่างการใช้ยา Linagliptin เพื่อรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือ รับประทานยา 5 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน
การใช้ยา Linagliptin
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Linagliptin ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ควรรับประทานยาหรือใช้ยาตามคำสั่งแพทย์หรือคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด ผู้ป่วยไม่ควรปรับปริมาณยาหรือหยุดการใช้ยาเอง หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- ควรปรับรูปแบบการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์ในระหว่างการใช้ยา เพื่อให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือไม่พร้อมอาหารก็ได้ โดยให้รับประทานยาในเวลาเดิมทุกวันเพื่อป้องกันการลืม
- ในระหว่างการใช้ยา แพทย์จะนัดหมายเพื่อตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะเป็นระยะ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถทราบได้ว่าตัวยาออกฤทธิ์ในการรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
- ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไปในระหว่างการใช้ยา ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- หากรู้สึกปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หิว มือสั่น อ่อนเพลีย และมึนงง ซึ่งเป็นอาการที่อาจบ่งบอกถึงภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหรือพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
- พบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากยา Linagliptin อาจทำให้เกิดโรคตับอ่อนอักเสบ รวมทั้งควรหยุดใช้ยาและพบแพทย์โดยเร็วที่สุดหากมีอาการปวดท้องช่วงบนร้าวไปด้านหลัง เพราะอาจเป็นอาการของโรคตับอ่อนอักเสบได้
- ในกรณีที่ผู้ป่วยลืมรับประทานยา ควรรับประทานทันทีที่นึกได้ หากใกล้เวลาที่ต้องรับประทานครั้งถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานตามปกติ ห้ามรับประทานเป็นสองเท่า
- หากใช้ยาเกินขนาดและมีอาการเวียนศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบากหรือหมดสติ ควรนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
- เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์อย่างมิดชิดและเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง โดยให้ห่างจากมือเด็ก ความชื้น ความร้อน และสัตว์เลี้ยง
- ห้ามผู้อื่นใช้ยาโดยเด็ดขาด เนื่องจากปริมาณการใช้ยาของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยต่อการรักษา อาการของผู้ป่วย หรือยาชนิดอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยใช้ในระหว่างการใช้ยา Linagliptin
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Linagliptin
โดยทั่วไป ยา Linagliptin อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น ปวดศรีษะ มีน้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ ปวดกล้ามเนื้อ และท้องเสีย ซึ่งหากมีความผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
อย่างไรก็ตาม หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงควรหยุดใช้ยาแล้วแจ้งให้แพทย์ทราบโดยเร็วที่สุด เช่น
- มีอาการแพ้ยาหรืออาการแพ้ทางผิวหนังอย่างรุนแรง เช่น หายใจลำบาก คัน มีผื่นลมพิษ รอยแดง แสบผิว ผิวลอก เกิดแผลพุพอง มีไข้ แสบตา เจ็บคอ รู้สึกแน่นในลำคอหรือหน้าอก ลิ้น ปาก หน้าหรือคอบวม
- มีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลว เช่น น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว ขาหรือเท้าบวม หายใจไม่อิ่ม
- มีอาการตับอ่อนอักเสบ เช่น คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง ปวดท้องอย่างรุนแรง ปวดร้าวไปบริเวณหลัง
- เกิดภาวะภูมิต้านเนื้อเยื่อของตนเอง โดยจะเกิดแผลพุพอง ผิวแตกหรือคันอย่างรุนแรง
- หนาวสั่น หัวใจเต้นเร็ว
- ตามัว
- มีเหงื่อออกมาก ตัวเย็น
- รู้สึกซึมเศร้า มึนงงหรือวิตกกังวล
- อ่อนแรงผิดปกติ