Bismuth Subsalicylate (บิสมัท ซับซาลิไซเลต)
Bismuth Subsalicylate (บิสมัท ซับซาลิไซเลต) เป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องร่วง อาการจากกรดไหลย้อน อีกทั้งยังอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิดในระบบทางเดินอาหาร มีฤทธิ์ในการลดกรด และอาจช่วยต้านการอักเสบได้
เกี่ยวกับยา Bismuth Subsalicylate
กลุ่มยา | ยาแก้ท้องร่วง (Antidiarrheals) |
ประเภทยา | ยาที่หาซื้อได้เอง ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | บรรเทาอาการคลื่นไส้ ท้องร่วง อาหารไม่ย่อย และอาการจากกรดไหลย้อน |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาเม็ด ยาน้ำแขวนตะกอน |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพมารดาและทารก |
คำเตือนในการใช้ยา Bismuth Subsalicylate
ข้อควรทราบเพื่อความปลอดภัยก่อนการใช้ยา Bismuth Subsalicylate มีดังนี้
- แจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบหากมีอาการแพ้ยา Bismuth Subsalicylate ยาแอสไพริน ยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) สารซาลิไซเลต (Salicylates) หรือมีอาการแพ้สารอื่น ๆ ในตัวยา โดยผู้ป่วยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคตับ โรคไต โรคเกาต์ ภาวะฟีนิลคีโตยูเรีย (Phenylketonuria) ภาวะเลือดออกผิดปกติ แผลในกระเพาะอาหาร อุจจาระเป็นเลือด มีสีดำหรือมีลักษณะคล้ายยางมะตอย เพิ่งป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัส อย่างไข้หวัดใหญ่หรือโรคอีสุกอีใส
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เพราะมียาและสารหลายชนิดอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยากับยา Bismuth Subsalicylate จนเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ยากลุ่มคาร์บอนิก แอนไฮเดรส อินฮิบิเตอร์ (Carbonic Anhydrase Inhibitors) ยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ยารักษาโรคเกาต์ โรคหัวใจ หรือยาต้านเกล็ดเลือดบางชนิด
- ก่อนการเข้ารับผ่าตัดร่างกาย ช่องปากหรือเปลี่ยนถ่ายเลือด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยา Bismuth Subsalicylate เนื่องจากผู้ป่วยอาจต้องหยุดใช้ยาก่อนเข้ารับการผ่าตัดหรือการรักษาใด ๆ
- สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา
- ห้ามใช้ยา Bismuth Subsalicylate ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากแพทย์จำเป็นต้องสังเกตและดูแลผู้ป่วยในช่วงอายุดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
- ห้ามใช้ยา Bismuth Subsalicylate ในคนอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่กำลังป่วยด้วยโรคอีสุกอีใส มีไข้ ไข้หวัด เนื่องจากตัวยามีส่วนผสมคล้ายกับยาแอสไพรินที่อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดกลุ่มอาการราย (Reye's Syndrome) เพิ่มขึ้น
ปริมาณการใช้ยา Bismuth Subsalicylate
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยา Bismuth Subsalicylate ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้
โรคท้องร่วงหรืออาการอาหารไม่ย่อย
ตัวอย่างการใช้ยา Bismuth Subsalicylate เพื่อรักษาโรคท้องร่วงหรืออาการอาหารไม่ย่อย
เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ รับประทานยาเม็ดขนาด 524 มิลลิกรัมหรือยาน้ำแขวนตะกอนครั้งละ 30 ซีซี ทุก ๆ 60 นาที เมื่อมีอาการ แต่ไม่ควรรับประทานเกิน 8 ครั้ง/วัน หรือรับประทานยาในปริมาณ 1048–1050 มิลลิกรัมทุก ๆ 1 ชั่วโมงเมื่อมีอาการ แต่ไม่ควรรับประทานเกิน 4 ครั้ง/วัน
อาการติดเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori)
ตัวอย่างการใช้ยา Bismuth Subsalicylate เพื่อรักษาอาการติดเชื้อเอชไพโลไร ร่วมกับยาอื่น
ผู้ใหญ่ รับประทานยาในปริมาณ 524 มิลลิกรัม 4 ครั้ง/วัน
การใช้ยา Bismuth Subsalicylate
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Bismuth Subsalicylate ผู้ป่วยควรรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์หรือคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด และไม่ควรปรับปริมาณยาเอง หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
ผู้ป่วยควรใช้ยาอย่างถูกวิธีเนื่องจากยามีหลายรูปแบบ หากเป็นยาน้ำแขวนตะกอน ให้เขย่าขวดทุกครั้งก่อนใช้ยา หากรับประทานยาเม็ดชนิดเคี้ยว ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน และหากรับประทานยาเม็ด ควรกลืนทั้งเม็ดพร้อมน้ำ 1 แก้ว
ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการใช้ยา ผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยอาจเป็นน้ำเปล่า น้ำขิง หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีน หากมีอาหารรุนแรงขึ้นจากการสูญเสียน้ำในร่างกายมากเกินไป อาทิ กระหายน้ำอย่างรุนแรง ปากแห้ง ผิวย่น เวียนหัวและปัสสาวะน้อย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
ภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารย่อยง่าย และหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด ผัก ผลไม้ ของทอด ขนม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้อาการท้องร่วงรุนแรงขึ้น
ในกรณีที่ลืมรับประทานยา ควรรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้และรับประทานยาครั้งต่อไปตามช่วงเวลาเดิม หากใกล้ถึงเวลารับประทานยาในมื้อถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาในมื้อถัดไป ห้ามเพิ่มปริมาณการรับประทานยาเป็น 2 เท่าเพื่อทดแทน หากผู้ป่วยใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนดอาจทำให้หูอื้อ ได้ยินลดลง หายใจลำบากหรือหมดสติ ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การเก็บยาควรเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิมที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้น ความร้อนและแสงแดด และควรเก็บให้พ้นมือเด็ก
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Bismuth Subsalicylate
ยา Bismuth Subsalicylate อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง อาทิ บริเวณลิ้นเป็นสีดำ ท้องผูก และอุจจาระเป็นสีเข้มหรือสีดำ หากผู้ป่วยมีอาการแย่ลงหรือมีอาการเหล่านี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
อย่างไรก็ตาม ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้
- มีอาการแพ้ยา โดยมักจะเกิดผื่น ลมพิษ มีอาการบวมที่ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้าและคอ หรือหายใจลำบาก
- ปวดหัว เวียนหัว
- อ่อนเพลีย ง่วงซึม
- หูอื้อhttps://www.pobpad.com/หูอื้อ หรือสูญเสียการได้ยิน
- หิวน้ำมากผิดปกติ
- เหงื่อออกมาก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตัวสั่น หรือไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
- คลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง
- ท้องร่วงติดต่อกันนานกว่า 2 วัน
- อาการปวดท้องรุนแรงขึ้น