Carboplatin

Carboplatin

Carboplatin (คาร์โบพลาติน) เป็นยาเคมีบำบัดสำหรับฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ซึ่งนำมาใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะโรคมะเร็งรังไข่และมะเร็งปอดชนิด Small Cell Lung Carcinoma โดยยานี้จะช่วยหยุดและชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็ง แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ ผู้ป่วยจึงควรใช้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม ยานี้อาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

Carboplatin

เกี่ยวกับยา Carboplatin

กลุ่มยา ยาเคมีบำบัด
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ ใช้รักษาโรคมะเร็งรังไข่
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ Category D จากการศึกษาในมนุษย์พบความเสี่ยงทำให้เกิด
ความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ จะใช้ก็ต่อเมื่อพิจารณาแล้ว
ว่าก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมารดาและยอมรับความเสี่ยงที่อาจ
เกิดต่อทารกในครรภ์โดยมากมักใช้ในกรณีที่จำเป็นในการช่วยชีวิตหรือใช้รักษา
โรคร้ายแรงของมารดา ซึ่งไม่สามารถใช้ยาอื่น ๆ ทดแทนได้
อีกทั้งยังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งต่อผ่าน
น้ำนมและเป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ และผู้ที่ให้นมบุตร
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาชนิดนี้

 

คำเตือนในการใช้ยา Carboplatin 

ยาคาร์โบพลาตินมีคำเตือนและข้อควรระมัดระวังก่อนการใช้ ดังนี้

  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ รวมถึงยาและสารอื่น ๆ เพราะยานี้อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดอาการแพ้และผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้
  • แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ก่อนรับการรักษา
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาเกี่ยวกับประวัติการรักษาและโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับไขสันหลังและโรคเลือด อย่างโรคเลือดจาง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ รวมทั้งโรคอื่น ๆ อย่างโรคไตและภาวะเกลือแร่ไม่สมดุล
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากเคยเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งด้วยการใช้ยากดไขกระดูก
  • ยา Carboplatin อาจทำให้เกิดภาวะเลือดจาง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของโรคติดเชื้อ และอาจทำให้เลือดออกผิดปกติหากเกิดภาวะนี้ ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายเลือดตามคำแนะนำของแพทย์
  • ยาคาร์โบพลาตินอาจคงอยู่ในสารคัดหลั่งของร่างกาย อย่างเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ หรืออาเจียนไปอย่างน้อย 48 ชั่วโมง หลังจากใช้ยา คนไข้ ผู้ดูแล และบุคลากรทางการแพทย์ ควรสวมถุงมือและใช้ความระมัดระวังในการสัมผัสกับร่างกายและสารคัดหลั่งของคนไข้
  • ควรล้างมือทั้งก่อนและหลังจากการสัมผัสกับผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการใช้ยานี้
  • ระหว่างการรักษาด้วยยานี้ ควรทำความสะอาดอย่างเหมาะสมและแยกซักกับเสื้อผ้าอื่น ๆ
  • หากมีการใช้ยาอื่นร่วมด้วย ควรใช้ยาชนิดอื่นก่อน เพื่อป้องกันผลข้างเคียง
  • ผู้หญิงควรใช้วิธีคุมกำเนิดแบบต่าง ๆ ในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังใช้ยาสักระยะ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์
  • ผู้ชายควรสวมถุงยางอนามัยหรือใช้วิธีคุมกำเนิดที่แพทย์แนะนำในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังใช้ยาสักระยะ เนื่องจากยานี้ส่งผลต่อการสร้างอสุจิ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บ อย่างการเล่นกีฬาและการใช้ของมีคม
  • ผู้ป่วยเด็กที่ได้รับยาปริมาณสูงกว่าระดับปกติอาจมีความเสี่ยงที่จะหูหนวกสูงขึ้น นอกจากนี้ ผู้ป่วยเด็กที่ใช้ยา Carboplatin ร่วมกับยาอื่น ๆ อาจพบปัญหาทางการได้ยิน
  • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาสูงกว่าคนช่วงวัยอื่น โดยเฉพาะภาวะเลือดออกผิดปกติและอาการเหน็บบริเวณมือและเท้า
  • ห้ามเริ่มหรือหยุดใช้ยาด้วยตนเอง เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

ปริมาณการใช้ยา Carboplatin

ยาคาร์โบพลาตินเป็นยารักษาโรคมะเร็งรังไข่ และอาจใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยมีตัวอย่างการใช้ ดังนี้

โรคมะเร็งรังไข่ระยะลุกลาม และมะเร็งปอดชนิด Small Cell Lung Carcinoma

ตัวอย่างการใช้ยา Carboplatin เพื่อรักษาโรคมะเร็งรังไข่ระยะลุกลาม และมะเร็งปอดชนิด Small Cell Lung Carcinoma มีดังนี้

ผู้ใหญ่ ผู้ป่วยที่ไม่เคยรับการรักษามาก่อน ให้ใช้ยาปริมาณ 400 มิลลิกรัมต่อพื้นที่ผิวกาย 1 ตารางเมตรต่อรอบ โดยหยดยาเข้าสู่หลอดเลือดดำภายในระยะเวลา 15-60 นาที แต่ละรอบควรห่างกัน 4 สัปดาห์ และมีจำนวนเม็ดเลือดขาวนิวโทรฟิล (Neutrophils) ในเลือดไม่ต่ำกว่า 2,000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร และเกล็ดเลือดไม่น้อยกว่า 100,000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร

สำหรับผู้ป่วยที่เคยผ่านการรักษาด้วยวิธีกดไขกระดูก (Myelosuppressive) หรือมีสภาพร่างกายอ่อนแอ ให้ลดปริมาณการใช้ยาครั้งแรกเหลือ 300-320 มิลลิกรัมต่อพื้นที่ผิวร่างกาย (ตารางเมตร)

การใช้ยา Carboplatin

เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ควรศึกษาและทำตามคำแนะนำในการใช้ยา Carboplatin ดังนี้

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในขณะที่ใช้ยาชนิดนี้
  • ยาชนิดนี้มีผลทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อได้ง่าย จึงควรป้องกันการติดเชื้อด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ล้างมือและรักษาความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่เข้าใกล้ผู้ที่เป็นโรคติดต่อหรือป่วย เป็นต้น 
  • ระหว่างการใช้ยาคาร์โบพลาติน ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะการตรวจเลือด

นอกจากนี้ ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยานี้ หรืออาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง จึงควรปรึกษาแพทย์หากต้องการใช้ยาอื่น ๆ ระหว่างการรักษา โดยเฉพาะยาในกลุ่มต่อไปนี้

  • ยากดไขกระดูก เพราะอาจส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดได้อย่างเพียงพอ ซึ่งอาจเป็นอันตราย
  • ยาขับปัสสาวะและยาปฏิชีวนะ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะไตเป็นพิษและภาวะการได้ยินบกพร่อง
  • ยากันชักบางตัวอย่างเฟนิโทอิน เพราะอาจกระตุ้นให้อาการชักกำเริบในคนที่ใช้ยานี้ได้
  • วัคซีนป้องกันโรค เพราะวัคซีนบางชนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคติดเชื้อได้ หรือส่งผลให้วัคซีนไม่ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะวัคซีนโปลิโอแบบหยอดและวัคซีนโรคไข้เหลือง

อย่างไรก็ตาม ยังมียาอื่น ๆ ที่อาจส่งผลทางลบต่อการรักษาด้วยยาชนิดนี้ จึงควรปรึกษาและแจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยาชนิดใหม่

ผลข้างเคียงของยา Carboplatin

ยา Carboplatin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้

ผลข้างเคียงทั่วไป

หลังจากการได้รับยา คนไข้อาจมีผลข้างเคียง เช่น ภูมิแพ้ คลื่นไส้อาเจียน ภาวะเลือดจาง ผมร่วงชั่วคราว ปลายประสาทอักเสบ ชา ภาวะผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ อย่างคันอวัยวะเพศ แสบขณะปัสสาวะ และปัสสาวะไม่สุด ระดับเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ เป็นต้น แม้ว่าอาการเหล่านี้เป็นเพียงผลข้างเคียงทั่วไป ซึ่งมักไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรง หรือเป็นต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม

ผลข้างเคียงอันตราย

แจ้งแพทย์ทันที หากมีสัญญาณของผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ดังนี้   

  • ได้ยินเสียงหวี่ในหูหรือการได้ยินลดลง
  • ตาพร่า
  • มีเลือดออกหรือมีรอยช้ำผิดปกติ
  • ปัสสาวะหรืออุจจาระปนเลือด
  • มีไข้ ตัวสั่น ซึ่งอาจเกิดร่วมกับอาการหายใจมีเสียง ปวดหลังส่วนล่าง แสบขณะปัสสาวะ
  • มีอาการแพ้ยา อย่างลมพิษ หายใจติดขัด ใบหน้า ปาก หรือลำคอบวมขึ้น