Clobetasol (โคลเบทาซอล)
Clobetasol (โคลเบทาซอล) เป็นยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดใช้เฉพาะที่ นำมาใช้รักษาโรคผิวหนังที่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์ (Corticosteroid-Responsive Dermatoses) เช่น การระคายเคือง ผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ และอาการแพ้ทางผิวหนัง นอกจากนี้ ยังอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
ยา Clobetasol มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Clobetasol
กลุ่มยา | ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดใช้เฉพาะที่ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาภาวะทางผิวหนังที่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาใช้เฉพาะที่ชนิดยาขี้ผึ้ง ครีม โลชั่น เจล โฟม แชมพู และสารละลายที่ใช้กับหนังศีรษะ |
คำเตือนในการใช้ยา Clobetasol
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Clobetasol หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยานี้ ทั้งยาชนิดครีม เจลและขี้ผึ้ง รวมถึงการแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมียาหลายชนิดที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีผิวบางบริเวณที่ต้องใช้ยา
- แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
- ห้ามใช้ยานี้เพื่อรักษาสิว ผื่นผ้าอ้อม ผื่นบริเวณปาก และโรคโรซาเชีย (Rosacea) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง
- กรณีที่ต้องใช้ยาทาลงบนผิวหนังเป็นบริเวณกว้างหรือบริเวณแผลเปิด ให้ใช้ยาอย่างระมัดระวัง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- หากต้องการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหนังชนิดอื่น ๆ ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
- ห้ามใช้ยากับผิวหนังบริเวณที่มีบาดแผลจากของมีคม มีรอยถลอก หรือได้รับความเสียหาย
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ
- การกลืนยานี้เข้าไปอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หากผู้ป่วยเผลอกลืนยาเข้าไปให้ไปพบแพทย์ทันที
- การใช้ยานี้กับเด็ก ให้ใช้อย่างระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะยา Clobetasol บางรูปแบบอาจไม่อนุญาตให้ใช้ในเด็ก
- ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเด็กและวัยรุ่นบางราย ดังนั้น ในระหว่างที่ใช้ยานี้อาจต้องตรวจดูการเจริญเติบโตของร่างกายเป็นประจำ และปรึกษาแพทย์ถึงผลกระทบดังกล่าวก่อนใช้ยา
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้ยานี้
ปริมาณการใช้ยา Clobetasol
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
รักษาภาวะทางผิวหนังที่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด์
ยาใช้เฉพาะที่ชนิดยาขี้ผึ้ง ครีม โลชั่น เจล และสารละลายใช้กับหนังศีรษะ
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาความเข้มข้น 0.05 เปอร์เซ็นต์ ทาลงเบา ๆ บริเวณที่มีอาการวันละ 1 หรือ 2 ครั้ง หากจำเป็น สามารถลดปริมาณลงได้ ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 50 กรัม/สัปดาห์ ระยะเวลาในการรักษาสูงสุดไม่เกิน 4 สัปดาห์
- เด็กอายุมากกว่า 1 ปี ใช้ยาในปริมาณเท่ากันกับผู้ใหญ่ ระยะเวลาในการรักษาสูงสุดไม่เกิน 5 วัน
ยาใช้เฉพาะที่ชนิดแชมพู
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาความเข้มข้น 0.05 เปอร์เซ็นต์ ทาลงบนหนังศีรษะขณะแห้ง วันละ 1 ครั้ง ทิ้งไว้ 15 นาที และห้ามใส่หมวกอาบน้ำในระหว่างนี้ ระยะเวลาในการรักษาสูงสุดไม่เกิน 4 สัปดาห์
การใช้ยา Clobetasol
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- ใช้ยานี้ให้ครบตามที่แพทย์กำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
- ยา Clobetasol เป็นยาสำหรับใช้กับผิวหนังเท่านั้น ห้ามนำมารับประทาน และห้ามใช้ทาบริเวณปาก จมูก และดวงตา
- ล้างมือก่อนและหลังใช้ยานี้ แต่หากใช้ยาที่มือก็ห้ามล้างมือ
- ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องทายาให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนใช้
- ห้ามใช้ยานี้ทาลงบนใบหน้า รักแร้ หรือขาหนีบ ยกเว้นเป็นคำสั่งจากแพทย์
- ห้ามใช้ผ้าพันแผล ผ้าปิดแผล หรือเครื่องสำอางบริเวณที่ใช้ยา นอกจากแพทย์จะแนะนำให้ใช้ได้
- หากลืมใช้ยา ให้ใช้ทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยาในรอบต่อไป และห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง
- หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีเก็บยาและวิธีกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้วอย่างเหมาะสม
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห้ามแช่แข็ง เก็บให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Clobetasol
การใช้ยา Clobetasol อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ผิวแห้ง ระคายเคืองผิว แสบ และแดง หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Clobetasol ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
- อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม ผื่นคัน ผิวหนังบวม แดง พุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดัง มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ เป็นต้น
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจมีอาการบ่งบอก เช่น สับสน รู้สึกง่วง กระหายน้ำมาก หิวมาก ปัสสาวะบ่อย ผิวแดง หายใจถี่ หรือลมหายใจมีกลิ่นหวานคล้ายผลไม้
- โรคคุชชิง (Cushing's Disease) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้อ้วนขึ้นเฉพาะร่างกายส่วนบน ผู้ป่วยอาจมีมวลน้ำหนักตัวบริเวณหลังส่วนบนหรือท้องเพิ่มขึ้น หน้ามนเป็นพระจันทร์ หรือปวดศีรษะรุนแรง
-
มีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง เช่น สิวขึ้น ผิวแตกลาย และมีขนขี้น รวมถึงการระคายเคืองบริเวณที่ใช้ยา
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน