ความหมาย ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ (Cluster Headache)
Cluster Headache หรืออาการปวดหัวแบบคลัสเตอร์ เป็นภาวะปวดหัวรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยผู้ป่วยจะรู้สึกปวดหัวข้างเดียว หรืออาจปวดบริเวณรอบดวงตา ซึ่งอาจเกิดต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง และอาจเกิดขึ้นหลายครั้งภายในวันเดียว ในขณะที่ปวดหัวอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาแดง น้ำมูกไหล เวียนหัว เป็นต้น โดย Cluster Headache สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ รวมทั้งมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
อาการของ Cluster Headache
ผู้ป่วย Cluster Headache จะมีอาการปวดหัวข้างเดียว แต่อาจจะสลับข้างที่ปวดได้ในแต่ละครั้ง บางครั้งอาจเกิดอาการปวดบริเวณรอบดวงตา ด้านหลังดวงตา หรืออาจลามไปบริเวณอื่นที่อยู่ด้านเดียวกันด้วย เช่น หน้าผาก ฟัน คอ หัวไหล่ เป็นต้น โดยผู้ป่วยบางรายอาจเห็นแสงวูบวาบก่อนมีอาการปวดหัวด้วย แต่ก็มีโอกาสพบได้น้อย
อาการปวดหัวรูปแบบนี้มักมีความรุนแรง เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและไม่มีสัญญาณเตือน โดยอาการอาจเกิดขึ้นนานประมาณ 15-180 นาที และความถี่ที่แสดงอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวทุก ๆ 2 วัน แต่บางรายอาจมีอาการมากถึง 8 ครั้งต่อวัน ซึ่งอาการปวดอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ตื่นหลังจากที่นอนหลับไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรืออาจทำให้ผู้ป่วยต้องทำร้ายตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวด
นอกจากอาการปวดหัวอย่างรุนแรงแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- ตาแดง
- น้ำตาไหลออกมามาก
- รูม่านตาหดเล็กลง
- ตาไวต่อแสง
- เปลือกตาหย่อนหรือบวม
- คัดจมูกหรือมีน้ำมูก
- เกิดรอยแดงหรือมีเหงื่อออกบนใบหน้า
- กระสับกระส่าย
- เวียนหัว
สาเหตุของ Cluster Headache
ในปัจจุบัน แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ Cluster Headache แต่สันนิษฐานว่ามีสาเหตุมาจากการทำงานผิดปกติของสมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับฮอร์โมน อุณหภูมิ การนอนหลับ และความดันภายในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณใบหน้าขยายใหญ่ขึ้นจนไปกดทับเส้นประสาทบนใบหน้า และกระตุ้นความรู้สึกไปยังสมองมากผิดปกติ จึงทำให้เกิดอาการปวดหัวลักษณะนี้ขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหลายประการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอาการขึ้นได้ ดังนี้
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์
- กลิ่นฉุน เช่น น้ำหอม สี น้ำมันเบนซิน เป็นต้น
- ความร้อน เช่น การอาบน้ำอุ่น ออกกำลังกายในห้องที่มีอากาศร้อน เป็นต้น
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็น Cluster Headache
- เกิดเนื้องอกในสมองหรือต่อมใต้สมอง
การวินิจฉัย Cluster Headache
แพทย์สามารถวินิจฉัย Cluster Headache ได้โดยสอบถามอาการของผู้ป่วยประกอบกับตรวจร่างกายทางระบบประสาทและสมอง โดยทดสอบการทำงานของเส้นประสาท ความรู้สึก และการตอบสนอง หากพบความผิดปกติ แพทย์อาจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Scan) เพื่อดูความผิดปกติของต่อมใต้สมองและส่วนอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของ Cluster Headache เช่น เนื้องอก หลอดเลือดสมองโป่งพอง เป็นต้น
การรักษา Cluster Headache
ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษา Cluster Headache ให้หายขาดได้ ทำได้เพียงบรรเทาอาการปวดและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
การรักษาด้วยยา
ยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไปอาจไม่สามารถช่วยได้ในกรณีนี้ เพราะยาดังกล่าวใช้เวลานานกว่าจะออกฤทธิ์ แต่อาการปวดหัวชนิดนี้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและฉับพลัน ซึ่งอาจหายไปภายใน 15 นาที จึงอาจต้องใช้ยาชนิดอื่น ๆ ดังนี้
- ทริปแทน ปกติยาชนิดนี้ใช้รักษาอาการปวดหัวไมเกรน มีทั้งแบบกิน แบบพ่น และแบบฉีด ใช้เวลาออกฤทธิ์ประมาณ 15 นาที แต่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจไม่ควรใช้ยานี้
- ไดไฮโดรเออร์โกตามีน สามารถใช้บรรเทาอาการได้ ออกฤทธิ์เร็วภายใน 5 นาที แต่ไม่สามารถใช้ร่วมกับยากลุ่มทริปแทนได้
- ยาชาเฉพาะที่ อย่างยาลิโดเคน สามารถใช้บรรเทาอาการปวดได้ด้วยการสูดดม แต่อาจใช้ได้กับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
- ออกทริโอไทด์ เป็นการใช้สารสังเคราะห์ฮอร์โมนโซมาโตสแตติน สามารถใช้บรรเทาอาการได้ในผู้ป่วยบางรายเช่นกัน
- ครีมแคปไซซีน บางครั้งแพทย์อาจใช้ยาชนิดนี้ร่วมด้วย ซึ่งเป็นยาทาบริเวณที่ปวดเพื่อบรรเทาอาการ
การใช้ออกซิเจน
การรักษาด้วยออกซิเจนเป็นการรักษาทางเลือกที่ทำได้โดยให้ออกซิเจนบริสุทธิ์ผ่านทางหน้ากากออกซิเจนเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด โดยจะส่งผลทางการรักษาภายใน 15 นาที การรักษาด้วยวิธีนี้ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง แต่ใช้ได้ผลกับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
การผ่าตัด
แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดหากรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล ผู้ป่วยยังมีอาการปวดหัวอย่างเรื้อรัง หรือผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากการรักษาด้วยวิธีอื่น โดยแพทย์จะผ่าตัดเพื่อทำให้เส้นประสาทบนใบหน้าถ่ายทอดความรู้สึกไปที่สมองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีการนี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง คือ อาจทำให้เกิดอาการชาบริเวณใบหน้าอย่างถาวร
ภาวะแทรกซ้อนของ Cluster Headache
Cluster Headache อาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้ป่วย เพราะเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยังคาดเดาเวลาที่เกิดอาการไม่ได้ จึงอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกระวนกระวาย ซึมเศร้า และอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างการเรียนหรือการทำงานได้
นอกจากนี้ อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาด้วย เช่น
- การใช้ยาทริปเทนอาจมีผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง เวียนหัว เหนื่อย หรือรู้สึกหนักบริเวณใบหน้า หน้าอก แขนหรือขา เป็นต้น
- การผ่าตัดอาจมีผลข้างเคียง คือ กล้ามเนื้อบริเวณกรามอ่อนแรง หรือสูญเสียประสาทสัมผัสบนใบหน้าบางส่วน
การป้องกัน Cluster Headache
ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ Cluster Headache จึงไม่อาจระบุวิธีป้องกันอย่างแน่ชัดได้ และแม้ภาวะนี้อาจไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น ผู้ป่วยควรป้องกันอาการกำเริบด้วยวิธีการ ดังนี้
- ไม่อยู่บนที่สูง
- ไม่อยู่ในสถานที่ที่มีความร้อน
- ไม่ทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก
- หลีกเลี่ยงของที่มีกลิ่นแรง และอาหารที่มีไนเตรต
- ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ และไม่ใช้สารเสพติดอื่น ๆ
- ใช้ยาเพื่อช่วยลดความเสี่ยงและทำให้เกิดอาการปวดหัวน้อยลง เช่น สเตียรอยด์ เวอราปามิล ลิเทียม เมทิเซอไจด์ เออร์โกตามีน เมลาโทนิน ยาต้านชักบางชนิดอย่างโทพิราเมท เป็นต้น