Colistin (โคลิสติน)
Colistin (โคลิสติน) เป็นยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบที่รุนแรง และการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารและลำไส้ และอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
ยา Colistin มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Colistin
กลุ่มยา | ยาปฏิชีวนะ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่และเด็ก |
รูปแบบของยา | ยาฉีด ยารับประทาน |
คำเตือนในการใช้ยา Colistin
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ ยาโพลีมิกซิน บี รวมถึงยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรต่าง ๆ เพราะมียาหลายชนิดที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ โดยเฉพาะยาอะมิคาซิน ยาเจนตามัยซิน ยาโพลีมิกซิน ยาสเตรปโตมัยซิน และยาโทบรามัยซิน
- ห้ามเริ่มใช้ยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงปริมาณการใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- หากต้องเข้ารับการรักษาใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษา พยาบาล และเภสัชกรทราบว่ากำลังใช้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้ติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์สั่ง เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ
- การใช้ยา Colistin อาจทำให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาหรือมีความเสี่ยงเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับไตมีการทำงานของไตแย่ลง ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงดังกล่าวก่อนใช้ยานี้
- ระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรหลีกเลี่ยงการขับรถหรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความตื่นตัว เพราะยาอาจมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงซึมและเสี่ยงเกิดอันตรายจากการทำกิจกรรมดังกล่าว
- เด็กควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้ยานี้
ปริมาณการใช้ยา Colistin
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับลักษณะการติดเชื้อและดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
รักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
ผู้ใหญ่ รับประทานยา Colistin Sulfate ครั้งละ 1.5-3 MIU วันละ 3 ครั้ง
เด็กที่มีน้ำหนัก 15-30 กิโลกรัม รับประทานยา Colistin Sulfate ครั้งละ 0.75-1.5 MIU วันละ 3 ครั้ง
รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบขั้นรุนแรง
ผู้ใหญ่ ฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณ 2.5-5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งฉีดวันละ 2-4 ครั้ง ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
เด็ก ฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณ 2.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งฉีดทุก 6-12 ชั่วโมง
การใช้ยา Colistin
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- ควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อช่วยให้จดจำเวลาในการใช้ยาได้
- หากรับยามาฉีดเองที่บ้าน ผู้ป่วยต้องศึกษาขั้นตอนการเตรียมยาและวิธีใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกรให้เข้าใจก่อน เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
- ใช้ยานี้จนครบตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะการหยุดใช้ยาเร็วกว่ากำหนดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้
- ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
- หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีการเก็บยาและการกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้วอย่างเหมาะสม
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Colistin
การใช้ยา Colistin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ คัน ท้องไส้ปั่นป่วน และท้องเสีย เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Colistin ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
- อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม มีผื่นคัน ผิวหนังบวม แดง พุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดังหวีด มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ เป็นต้น
- ไตทำงานผิดปกติ อาจมีอาการบ่งบอก เช่น ปัสสาวะไม่ออก ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลง ปัสสาวะมีเลือดปน หรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก
- เวียนศีรษะหรือหมดสติ
- มีอาการชาที่รู้สึกแสบหรือเหมือนมีเข็มทิ่มตามผิวหนัง
- พูดไม่ชัด
- ชัก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีปัญหาในการหายใจ เช่น หายใจผิดปกติ หรือหายใจไม่อิ่ม(https://www.pobpad.com/หายใจไม่อิ่ม)
-
อาการท้องเสียจากการติดเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium Difficile-Associated Diarrhea: CDAD) ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลวมาก ถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายเป็นเลือด แต่อาการท้องเสียจากการติดเชื้อแทรกซ้อนชนิดนี้เกิดขึ้นได้น้อยและมักพบในผู้ป่วยที่รับประทานยานี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน