Cyclophosphamide (ไซโคลฟอสฟาไมด์)
Cyclophosphamide (ไซโคลฟอสฟาไมด์) เป็นยากดภูมิคุ้มกัน ใช้รักษาโรคมะเร็ง และกลุ่มอาการไตรั่ว (Nephrotic Syndrome) ออกฤทธิ์โดยการชะลอและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง รวมทั้งกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ซึ่งยา Cyclophosphamide อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรอย่างละเอียดก่อนใช้ยา
เกี่ยวกับ Cyclophosphamide
กลุ่มยา | ยากดภูมิคุ้มกัน |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาโรคมะเร็ง และกลุ่มอาการไตรั่ว |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่และเด็ก |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ยาฉีด |
คำเตือนในการใช้ยา Cyclophosphamide
- ผู้ที่แพ้ยาหรือส่วนประกอบใด ๆ ในยา Cyclophosphamide รวมถึงยาเคมีบำบัดกลุ่มแอลคีเลติ้ง เอเจนท์ หรือยาชนิดอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกัน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ กำลังให้นมบุตร หรือวางแผนจะให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เพราะยาอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และอาจทำให้แท้งได้
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเพิ่งทำเคมีบำบัด หรือรับการเอกซเรย์เมื่อไม่นานมานี้
- หากเป็นโรคไขกระดูก หรือโรคทางเดินปัสสาวะอุดตัน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- หากต้องผ่าตัด หรือศัลยกรรมช่องปาก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยา Cyclophosphamide อยู่ รวมถึงแจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ท่านอื่น ๆ ทราบด้วยว่ากำลังใช้ยาชนิดนี้ก่อนรับการรักษาใด ๆ
- ระมัดระวังอันตรายจากของมีคมบาด หรืออุบัติเหตุอื่น ๆ เพราะยาอาจมีผลข้างเคียงทำให้เลือดออกง่ายขึ้น โดยควรเลือกใช้แปรงสีฟันแบบขนแปรงนุ่ม และใช้เครื่องโกนหนวดไฟฟ้าแทนใบมีดโกนระหว่างที่ใช้ยา
- หลีกเลี่ยงการขับรถหรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้สายตามากในระหว่างที่ใช้ยานี้
- ควรล้างมืออย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่ติดเชื้อ เป็นไข้หรือหวัด เพราะยาอาจทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
- ผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี อาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงสูง ควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง
ยา Cyclophosphamide อาจเกิดปฏิกิริยาเมื่อใช้ร่วมกับยาบางชนิด ผู้ป่วยจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงวิตามิน อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือยาต่าง ๆ ที่เคยใช้หรือกำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยาต่อไปนี้
- ยาอัลโลพูรินอล
- ยาไฮโดรคอร์ติโซน
- ยาคอร์ติโซน อะซิเตท
- ยาดอกโซรูบิซิน
- ยาฟีโนบาร์บิทัล
ปริมาณการใช้ยา Cyclophosphamide
รักษามะเร็ง
ผู้ใหญ่
- ยารับประทานปริมาณต่ำ 2-6 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/สัปดาห์
- ยารับประทานปริมาณ 100-300 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกายเป็นตารางเมตร/วัน หรือปริมาณ 50-250 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกายเป็นตารางเมตร/วัน หรือปริมาณ 80-300 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกายเป็นตารางเมตร/วัน โดยให้แบ่งรับประทานหลายครั้ง
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณต่ำ 2-6 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/สัปดาห์ หรือปริมาณกลาง 10-15 มิลลิกรัม/สัปดาห์ หรือปริมาณสูง 20-40 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 10-20 วัน
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 80-300 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกายเป็นตารางเมตร/วัน
หรือยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 300-600 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกายเป็นตารางเมตร/สัปดาห์
หรือยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 600-1,500 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวกายเป็นตารางเมตร เพียงครั้งเดียว หรือค่อย ๆ หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นเวลา 10-20 วัน
รักษากลุ่มอาการไตรั่ว
เด็ก
- ยารับประทานปริมาณ 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน นาน 8-12 สัปดาห์ ซึ่งปริมาณสะสมต้องไม่เกิน 168 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และไม่ใช้ยาติดต่อกันนานเกิน 90 วัน
การใช้ยา Cyclophosphamide
- ห้ามเริ่มหรือหยุดใช้ยา รวมถึงเปลี่ยนปริมาณการใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- ให้กลืนยาทั้งเม็ด ห้ามบด กัด หรือเคี้ยว และจะรับประทานยาพร้อมมื้ออาหารหรือไม่ก็ได้
- หากยาแตกหรือป่นเป็นผง ห้ามสัมผัสยาเด็ดขาด และหากยาโดนมือหรือเข้าตา ให้รีบล้างออกทันที
- หากต้องรับประทานยาวันละครั้ง แต่แพทย์ไม่ได้ระบุเวลาไว้ ให้รับประทานยาตอนเช้า และห้ามรับประทานยาตอนกลางคืน
- ระหว่างใช้ยา ให้ไปรับการตรวจเลือดตามที่แพทย์กำหนดอย่างสม่ำเสมอ
- ปัสสาวะบ่อย ๆ และดื่มน้ำมาก ๆ หากแพทย์ไม่ได้กำหนดให้ลดปริมาณการดื่มน้ำ โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ปราศจากแอลกอฮอล์
- แจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยา Cyclophosphamide อยู่ หากต้องฉีดวัคซีนอื่น ๆ
- หากต้องการมีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงควรคุมกำเนิดจนกว่าจะหยุดใช้ยาไปแล้วอย่างน้อย 1 ปี ส่วนผู้ชายควรคุมกำเนิดจนหยุดใช้ยาไปแล้วอย่างน้อย 4 เดือน และควรเลือกวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ
- หากตั้งครรภ์ในระหว่างใช้ยา หรือภายใน 1 ปีหลังจากเลิกใช้ยา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- สำหรับยาแบบฉีด ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเสมอ
- ควรเก็บยาที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส
- หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากเป็นช่วงเวลาที่ใกล้กับการรับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยาครั้งถัดไป และไม่เพิ่มปริมาณยาเพื่อทดแทน
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Cyclophosphamide
ยา Cyclophosphamide อาจมีผลข้างเคียงทำให้ประจำเดือนไม่มา หรืออาจหยุดการผลิตน้ำอสุจิที่อาจส่งผลให้เป็นหมัน และเสี่ยงเผชิญภาวะมีบุตรยากทั้งในเพศชายและเพศหญิง ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือคงอยู่ถาวรแล้วแต่กรณี ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงและวิธีการใช้ยาให้ละเอียดก่อนใช้ยาเสมอ
นอกจากนี้ ยา Cyclophosphamide อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้ เช่น
- ผมร่วง
- ผิวหนังและเล็บดำคล้ำ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- มีเลือดออกง่ายขึ้น
- เยื่อบุช่องปากอักเสบ
- ฮอร์โมนต้านปัสสาวะหลั่งผิดปกติ
- การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตถูกรบกวน
- ปัญหาเกี่ยวกับปอด เช่น เกิดพังผืดในปอด
- ภูมิแพ้รุนแรงแบบเฉียบพลันเกิดการกดภูมิคุ้มกันรุนแรง
- ไขกระดูกฝ่อ
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบและมีเลือดออก
- ภาวะพิษต่อหัวใจ หรือหัวใจวาย
- ระดับโซเดียมลดลง จนอาจเกิดอาการหายใจลำบาก ชัก หมดสติ และเสียชีวิตได้
หากอาการจากผลข้างเคียงดังกล่าวเป็นอาการรุนแรง อาการไม่ทุเลาลง หรือทวีความรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา