Erythromycin (อิริโทรมัยซิน)
Erythromycin (อิริโทรมัยซิน) เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรียในระบบต่าง ๆ เช่น ทางเดินหายใจ เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ ไอกรน การติดเชื้อที่ผิวหนัง ตา หู ลำไส้ ทางเดินปัสสาวะ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)
Erythromycin มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย โดยเข้าไปลดการผลิตโปรตีนที่เป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย ผู้ใช้ยานี้ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์และฉลากยาอย่างเคร่งครัด และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้
เกี่ยวกับ Erythromycin
กลุ่มยา | ยาปฏิชีวนะในกลุ่มแมคโครไลด์ (Macrolide) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาหรือป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ | Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป |
การใช้ยาในผู้ให้นมบุตร | ยานี้สามารถขับออกผ่านทางนมแม่ และอาจส่งผลเสียต่อทารกได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา และใช้อย่างระมัดระวังตามคำสั่งแพทย์ |
รูปแบบของยา | ยารับประทานชนิดแคปซูล ชนิดเม็ด ยาแขวนตะกอน ยาขึ้ผึ้งป้ายตา เจล ยาทาผิวชนิดน้ำ แผ่นแปะผิวหนัง และยาฉีด |
คำเตือนในการใช้ยา Erythromycin
การใช้ยา Erythromycin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้นควรปรึกษาและแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบถึงเงื่อนไขของผู้ป่วยเกี่ยวกับประวัติการใช้ยา ประวัติทางการแพทย์ ประวัติการแพ้ยา ก่อนการใช้ยาทุกครั้ง โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้
- ผู้ที่เป็นโรคตับ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ กลุ่มอาการคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติชนิดลองคิวที (Long QT Syndrome) ระดับโพแทสเซียมหรือแมงกานีสในเลือดต่ำ
- ผู้หญิงที่วางแผนการตั้งครรภ์ในระหว่างการรักษาด้วยยาชนิดนี้ กำลังตั้งครรภ์ และผู้ให้นมบุตร
- ผู้ที่เข้ารับการตรวจปัสสาวะ เพราะการใช้ยานี้อาจทำให้ผลการตรวจปัสสาวะบางอย่างคลาดเคลื่อนได้
- เด็กที่มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว เนื่องจากขนาดและปริมาณการใช้ยาจะพิจารณาจากอายุและน้ำหนักตัวของเด็ก
Erythromycin เป็นยาปฎิชีวนะที่ใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่สามารถใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น หวัดและไข้หวัดใหญ่ได้
ปริมาณการใช้ยา Erythromycin
ปริมาณการใช้ยา ยา Erythromycin ใช้ในการรักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียในหลายอาการ ขนาดและปริมาณการใช้ยาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอายุหรือเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย
1. การป้องกันการติดเชื้อจากการผ่าตัด การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อที่ผิวหนัง และผู้มีความเสี่ยงของการติดเชื้อ
การใช้ยาป้องกันและรักษาโรคในกลุ่มนี้ แบ่งออกเป็นยารับประทานและยาฉีดตามช่วงวัย ดังนี้
ยารับประทาน
ผู้ใหญ่ ให้รับประทานขนาด 200–800 มิลลิกรัมต่อวัน ทุก 6–12 ชั่วโมง โดยอาจเพิ่มปริมาณยาได้สูงสุดถึง 4 กรัมต่อวัน กรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง หากรับประทานยาที่มีขนาดมากกว่า 1 กรัม ควรแบ่งให้มากกว่า 2 เวลา
เด็ก รับประทานขนาด 30–50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แบ่งเป็นวันละ 2–4 เวลา โดยแพทย์จะเป็นผู้คำนวณปริมาณยา กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
ยาฉีด
ฉีดยาให้ผู้ป่วยผู้ใหญ่และเด็ก ปริมาณครั้งละ 20–50 กรัม วันละ 1 ครั้ง หรือ 15–20 กรัม วันละ 2 ครั้ง ปริมาณยาสูงสุดไม่ควรเกิน 4 กรัมต่อวัน โดยอาจฉีดยาเข้าสู่หลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง หรือหยดเข้าหลอดเลือดดำช้า ๆ เป็นเวลาครั้งละ 20–60 นาที ทุก 6 ชั่วโมง
2. การป้องกันการกลับมาเป็นไข้รูมาติกซ้ำ
ผู้ใหญ่ รับประทานยาขนาด 250–400 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวัน
3. การติดเชื้อที่ตา
ผู้ใหญ่ ใช้ยาขี้ผึ้งสำหรับป้ายตาขนาดความแรง 0.5% ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร ป้ายที่ตาข้างที่มีการติดเชื้อใช้ได้ถึง 6 ครั้งต่อวัน
4. สิวและโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง
การรักษาสิวและโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียด้วยยา Erythromycin จะใช้ในผู้ใหญ่ โดยอาจเป็นยาทาภายนอกชนิดเจล ชนิดน้ำ หรือแผ่นแปะผิวหนัง ขนาดความแรง 2% ทาหรือแปะบริเวณที่มีการติดเชื้อ 1–2 ครั้งต่อวัน ควรหยุดใช้ยาหากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลงหลังการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง 6–8 สัปดาห์
การใช้ยา Erythromycin
ยา Erythromycin เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ขนาดและปริมาณขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อาการ ความรุนแรง อายุและน้ำหนักตัวของผู้ป่วย ควรอ่านฉลากยาและทำตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ยาในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป และไม่ควรใช้ยานี้เกินกว่าระยะเวลาที่แพทย์สั่ง
ควรรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์กำหนด หากพบว่ามีอาการที่ดีขึ้นแล้ว ไม่ควรหยุดใช้ยาจนกว่ายาจะหมด เพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงทำให้เชื้อดื้อยาหากเกิดการติดเชื้อในครั้งต่อไป
ยาชนิดรับประทานควรรับประทานตอนท้องว่าง อย่างน้อย 30 นาทีก่อนหรือ 2 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร รับประทานทั้งเม็ด ไม่ควรกัด เคี้ยว หรือทำให้แตก
หากลืมรับประทานทานยาตามเวลาที่แพทย์สั่ง เมื่อนึกขึ้นได้สามารถรับประทานได้ทันที หากลืมรับประทานยาใกล้กับมื้ออาหารถัดไป ให้รับประทานยาในเวลาและขนาดตามปกติ ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อทดแทนในมื้อที่ขาดหายไป
ควรเก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง หรือประมาณ 15–30 องศาเซลเซียส ปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้ยา ยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 2–8 องศาเซลเซียส ไม่ควรเก็บในที่ที่มีความร้อน ความชื้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงโดยตรง และไม่ควรใช้ยาที่หมดอายุ
ปฏิกิริยาระหว่างยา Erythromycin กับยาอื่น
ผู้ที่รับประทานยา Erythromycin ร่วมกับยาบางชนิดอาจเกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น
- ยารักษาเกี่ยวกับไขมันในเลือด เช่น อะโทวาสแตติน (Atorvastatin) ซิมวาสแตติน (Simvastatin)
- ยารักษาเชื้อรา เช่น ฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) โวริโคนาโซล (Voriconazole)
- ยารักษาการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ เช่น อะมิโอดาโรน (Amiodarone) โปรเคนเอไมด์ (Procainamide) โพรพาฟีโนน (Propafenone) ควินิดีน (Quinidine)
- ยารักษาอาการทางจิตเวช เช่น พิโมไซด์ (Pimozide) ไทโอริดาซีน (Thioridazine) ซิพราสิโดน (Ziprasidone)
- ยารักษาโรคมาลาเรีย เช่น คลอโรควิน (Chloroquine)
- ยารักษาอาการกรดไหลย้อน เช่น ซิซาไพรด์ (Cisapride)
- ยารักษาอาการปวดเรื้อรัง เช่น เมทาโดน (Methadone)
- ยารักษาอาการแพ้ เช่น เทอร์เฟนาดีน (Terfenadine)
- ยารักษาอาการปวดหรือโรคลมชัก เช่น คาร์บามาซีปิน (Carbamazepine)
- ยารักษาภาวะอุดตันของหลอดเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin)
- ยารักษาโรคหัวใจ เช่น ไดจอกซิน (Digoxin)
- ยารักษาอาการชัก เช่น เฟนิโทอิน (Phenytoin)
- ยารักษาอาการหอบ เช่น ทีโอฟิลลีน (Theophylline)
- ยารักษาอาการปวดไมเกรน เช่น เออร์โกตามีน (Ergotamine)
- ยาคุมกำเนิด
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Erythromycin
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปจากการใช้ยา Erythromycin เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเกร็งท้อง เบื่ออาหาร แต่หากเกิดผลข้างเคียงรุนแรงเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์
- ปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะปวดท้องด้านขวาบน
- มีไข้
- ปวดศีรษะร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก วิงเวียนศีรษะ และหัวใจเต้นเร็วและแรงผิดปกติ
- ปัสสาวะมีสีเข้ม ถ่ายเหลว ถ่ายปนเลือด อุจจาระมีสีซีด ตาหรือผิวมีสีเหลือง
- มีผื่นแดง ลมพิษ คัน
- หายใจลำบาก กลืนลำบาก หายใจมีเสียงหวีด
- อ่อนเพลียผิดปกติ
- ชัก
- มีปัญหาในการได้ยิน
ในผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้มากกว่า เช่น สูญเสียการได้ยิน การเต้นของหัวใจที่เร็วผิดปกติและอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
นอกจากนี้ ยา Erythromycin อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ในผู้ป่วยบางราย หากมีอาการลมพิษ หายใจลำบาก มีอาการบวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน