Fentanyl (เฟนทานิล)
Fentanyl (เฟนทานิล) เป็นยาระงับปวดประสิทธิภาพสูงในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioid) ใช้รักษาอาการปวดชนิดรุนแรง บรรเทาอาการปวดหลังผ่าตัด ปวดเรื้อรัง หรือปวดจากโรคมะเร็ง ออกฤทธิ์โดยเข้าไปจับกับตัวรับโอปิออยด์ (Opioid Receptors) ในระบบประสาทส่วนกลาง เช่น สมองและไขสันหลัง
คณะกรรมการอาหารและยาของไทยบรรจุให้ยานี้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยจัดอยู่ในหมวดยาเสพติดให้โทษประเภท 2 สถานพยาบาลต้องมีใบอนุญาตในการใช้และจำหน่าย ประชาชนทั่วไปไม่สามารถหาซื้อจากร้านขายยาได้ ผู้ที่ผลิต นำเข้า ส่งออกยาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีใบอนุญาตนำผ่าน ต้องเสียค่าปรับและระวางโทษจำคุก
เกี่ยวกับ Fentanyl
กลุ่มยา | โอปิออยด์ (Opioid) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาและป้องกันอาการปวดชนิดรุนแรง |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่และเด็ก |
รูปแบบของยา | แผ่นแปะผิวหนัง แผ่นฟิล์ม ยาพ่น ยาฉีด ยาอม |
คำเตือนในการใช้ยา Fentanyl
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากกำลังตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ เพราะยังไม่ทราบว่ายาจะส่งผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากกำลังให้นมบุตร เพราะยังไม่ทราบว่ายาจะถูกส่งผ่านทางน้ำนมแล้วเป็นอันตรายต่อเด็กหรือไม่
- ผู้ที่แพ้ยาหรือส่วนประกอบใด ๆ ในยา Fentanyl รวมถึงยาระงับปวดชนิดเสพติดอื่น ๆ ไม่ควรใช้ยานี้
- ห้ามนำยาไปใช้ในทางที่ผิด เพราะอาจทำให้เกิดการเสพติด หรือใช้ยาเกินขนาด จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยา วิตามิน และอาหารเสริมที่กำลังใช้อยู่ หรือวางแผนจะใช้
- หลังใช้ยา หากผู้ป่วยมีผิวหนังหรือปากเป็นสีเขียวคล้ำ มีอาการแน่นหน้าอก กล้ามเนื้อเกร็ง หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจเต้นแรง หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม หรือหยุดหายใจ ควรรีบนำตัวผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที
- ห้ามขับรถหรือใช้เครื่องจักรระหว่างใช้ยา เพราะยาอาจทำให้เวียนศีรษะหรือง่วงซึมได้
- หากต้องผ่าตัดหรือศัลยกรรมช่องปาก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยา Fentanyl อยู่
- ยาอาจทำให้ภาวะเจริญพันธุ์ลดลง ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงก่อนใช้ยา
- ยาอาจทำให้ท้องผูก ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับการบริโภคอาหารก่อนใช้ยา
- ตัวยามีส่วนประกอบของน้ำตาล 2 กรัม ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรศึกษาการใช้ยาอย่างละเอียดก่อนเสมอ
ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มต่อไปนี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- เคยดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก หรือคนในครอบครัวดื่ม
- เคยใช้หรือกำลังใช้ยาเสพติด หรือคนในครอบครัวมีประวัติการใช้ยาเสพติด
- เคยป่วยหรือได้รับบาดเจ็บทางสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง
- เคยป่วยด้วยภาวะที่ทำให้เกิดแรงกดต่อกะโหลกศีรษะ
- หัวใจเต้นช้า หรือมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เกี่ยวกับหัวใจ
- ความดันโลหิตต่ำ
- มีอาการชัก หรือเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท
- มีอาการประสาทหลอน
- เป็นโรคตับ หรือโรคไต
ยา Fentanyl อาจเกิดปฏิกิริยาเมื่อใช้ร่วมกับยาบางชนิด ผู้ป่วยจึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่เคยใช้หรือกำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยาดังต่อไปนี้
- ยาพาราเซตามอล
- ยาลอราซีแพม (Lorazepam)
- ยาโซลพิเดม (Zolpidem)
- ยาดูล็อกซีทีน (Duloxetine)
- ยาไฮโดรมอร์โฟน (Hydromorphone)
- ยาออกซิโคโดน (Oxycodone)
- ยาอัลปราโซแลม (Alprazolam)
- ยาออนดาเซทรอน (Ondasetron)
- ยาฟูโรซีไมด์ (Furosemide)
- ยาพรีกาบาลิน (Pregabalin)
- ยากาบาเพนติน (Gabapentin)
ปริมาณการใช้ยา Fentanyl
ระงับอาการปวดจากโรคมะเร็ง
ผู้ใหญ่
- ยาอมใต้กระพุ้งแก้มปริมาณ 200 ไมโครกรัม นาน 15 นาที/ครั้ง และให้ยาซ้ำได้หากยังมีอาการปวดหลังจากให้ยาครั้งแรก 15 นาที โดยปรับปริมาณตามการตอบสนองต่อยาไม่เกินปริมาณสูงสุดที่ 1.6 มิลลิกรัม/ครั้ง และไม่เกิน 4 ครั้ง/วัน
- ยาเม็ดใต้กระพุ้งแก้มปริมาณ 100 ไมโครกรัม/ครั้ง อาจใช้ซ้ำหลังจากนั้น 30 นาทีถ้าจำเป็น และควรเว้นไว้ 2-4 ชั่วโมง ก่อนใช้ยาครั้งถัดไป
- แผ่นฟิล์มแปะกระพุ้งแก้มปริมาณ 200 ไมโครกรัม/ครั้ง และควรเว้นไว้ 2 ชั่วโมง ก่อนใช้ยาครั้งถัดไป
- ยาเม็ดอมใต้ลิ้นปริมาณ 100 ไมโครกรัม/ครั้ง อาจใช้ซ้ำหลังจากนั้น 30 นาทีถ้าจำเป็น และควรเว้นไว้ 2-4 ชั่วโมงก่อนใช้ยาครั้งถัดไป
- ยาพ่นใต้ลิ้นปริมาณ 100 ไมโครกรัม/ครั้ง อาจใช้ซ้ำหลังจากนั้น 30 นาทีถ้าจำเป็น และควรเว้นไว้ 4 ชั่วโมงก่อนใช้ยาครั้งถัดไป
- ยาพ่นทางจมูกปริมาณ 50-100 ไมโครกรัม/ครั้ง เลือกพ่นรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง อาจใช้ซ้ำหลังจากนั้น 10 นาทีถ้าจำเป็น และควรเว้นไว้ 2-4 ชั่วโมง ก่อนใช้ยาครั้งถัดไป โดยใช้ยาสูงสุดไม่เกินวันละ 4 ครั้ง
ผู้สูงอายุ
- อาจลดปริมาณยาลงตามความเหมาะสม
กลุ่มอาการปวดเรื้อรังแบบควบคุมไม่ได้
ผู้ใหญ่
สำหรับผู้ป่วยที่เคยใช้ยากลุ่มโอปิออยด์มาก่อน
- ให้ยาชนิดแผ่นแปะผิวหนังตามปริมาณการใช้ยากลุ่มโอปิออยด์ในครั้งก่อน โดยปริมาณยาอยู่ที่ 12-100 ไมโครกรัม/ชั่วโมง
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่เคยใช้ยากลุ่มโอปิออยด์มาก่อน
- ยาชนิดแผ่นแปะผิวหนังปริมาณมากกว่าหรือเท่ากับ 25 ไมโครกรัม/ชั่วโมง
สำหรับผู้ป่วยที่เคยได้รับยาในกลุ่มโอปิออยด์ชนิดรุนแรงมาก่อน
- ปริมาณยาขึ้นอยู่กับการใช้ยาในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และให้ค่อย ๆ เลิกใช้ยาตัวเก่าระหว่างที่เริ่มใช้ยาชนิดแผ่นแปะผิวหนัง
- หากผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยามากกว่า 100 ไมโครกรัม/ชั่วโมง ให้ใช้ยาชนิดแผ่นแปะผิวหนังมากกว่า 1 แผ่น และอาจต้องพิจารณาการรักษาอื่น ๆ เพิ่มเติม หากเคยใช้ยามากกว่า 300 ไมโครกรัม/ชั่วโมง
ผู้สูงอายุ
- อาจลดปริมาณยาลงตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องเปลี่ยนแผ่นแปะผิวหนังทุก ๆ 72 ชั่วโมง แปะยาแผ่นใหม่บนผิวหนังบริเวณอื่น และหลีกเลี่ยงการแปะซ้ำบริเวณเดิมติดกัน 2-3 วัน
การให้ยาก่อนให้ยาสลบ
ผู้ใหญ่
- ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อปริมาณ 50-100 ไมโครกรัม ก่อนให้ยาสลบ 30-60 นาที
ผู้สูงอายุ
- อาจลดปริมาณยาลงตามความเหมาะสม
การให้ยาเสริมการใช้ยาสลบ
ผู้ใหญ่
สำหรับผู้ป่วยที่หายใจได้เอง
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 50-200 ไมโครกรัม ตามด้วยการให้ยาปริมาณ 50 ไมโครกรัมในอัตรา 0.05-0.08 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที สูงสุดไม่เกิน 200 ไมโครกรัม
สำหรับผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 300-3,500 ไมโครกรัม สูงสุด 50 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตามด้วยการให้ยาปริมาณ 100-200 ไมโครกรัมตามการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย ปริมาณยาเริ่มต้นที่ 1 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที ภายใน 10 นาทีแรก หลังจากนั้นจึงให้ยาประมาณ 0.1 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที
เด็กอายุ 2-12 ปี
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 2-3 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตามด้วยการให้ยาปริมาณ 1 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
ผู้สูงอายุ
- อาจลดปริมาณยาลงตามความเหมาะสม
การใช้ยา Fentanyl
- ใช้ยาในปริมาณที่ถูกต้องตามคำสั่งแพทย์ ห้ามใช้ยาเกินปริมาณหรือนานเกินกว่าที่แพทย์กำหนด
- ห้ามหยุดใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์เด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้
- ห้ามใช้ยาเกินวันละ 4 ครั้ง ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการปวดมากกว่า 4 ครั้ง/วัน โดยแพทย์อาจปรับปริมาณยาแก้ปวดชนิดอื่น ๆ ให้แทน
- ห้ามบริโภคเกรปฟรุตหรือดื่มน้ำเกรปฟรุตในระหว่างที่ใช้ยา
- ห้ามนำยาไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่แพทย์ระบุ
- หากผู้ป่วยใช้ยารูปแบบยาอม ควรปรึกษาแพทย์ถึงการรักษาสุขภาพฟัน เนื่องจากยาอมมีส่วนประกอบเป็นน้ำตาลที่อาจทำให้ฟันผุ หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันได้
- ระหว่างใช้ยา ผู้ป่วยอาจเวียนศีรษะหรือรู้สึกหน้ามืดหากลุกขึ้นยืนหลังจากนอนเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นอาการปกติเมื่อเริ่มต้นใช้ยา ควรค่อย ๆ ลุกจากเตียง และวางเท้าไว้ที่พื้น 4-5 นาที ก่อนลุกขึ้นยืน เพื่อช่วยลดอาการดังกล่าว
- ควรเก็บยาที่อุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียส และเก็บยาให้พ้นจากแสง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Fentanyl
โดยทั่วไป ยา Fentanyl อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เกิดการกดการหายใจ และมีเหงื่อออกมาก ซึ่งบางอาการอาจไม่จำเป็นต้องรับการรักษา เพราะเมื่อร่างกายปรับตัวให้ชินกับยาแล้ว อาการดังกล่าวอาจหายไปเอง แต่หากยังมีอาการอย่างต่อเนื่อง จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือหากผู้ป่วยมีข้อสงสัยใด ๆ ควรไปปรึกษาแพทย์
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีผลข้างเคียงดังต่อไปนี้ระหว่างใช้ยา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- มีสัญญาณของการใช้ยาเกินขนาด เช่น หายใจตื้น หายใจช้า
- ไอ เจ็บคอ
- ปากแห้ง กระหายน้ำ
- ไม่อยากอาหาร
- มีแผลหรือจุดสีขาวในปาก
- ตาลึกโบ๋
- ปัสสาวะน้อยลง
- ปวดกล้ามเนื้อ หรือเป็นตะคริว
- แน่นหน้าอก
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- เวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม
- เลือดออกหรือมีรอยช้ำเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม อาการข้างต้นไม่ใช่ผลข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมหากมีข้อสงสัย และแจ้งให้แพทย์ทราบหากพบอาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ