Hyaluronic Acid (กรดไฮยาลูรอนิค)
กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) หรือ ไฮยาลูรอน เป็นสารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์บริเวณตา ข้อต่อ และผิวหนัง โดยมีหน้าที่รักษาความชุ่มชื้นบนผิวและเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวไม่หย่อนคล้อย และช่วยให้ข้อต่อไม่เสียดสีเวลาเคลื่อนไหว ซึ่งสารนี้ยังสามารถผลิตได้ในห้องปฏิบัติการณ์ด้วยการหมักแบคทีเรียและสกัดจากหงอนไก่ เพื่อนำมาเป็นอาหารเสริมสำหรับสุขภาพผิวและข้อ
Hyaluronic Acid เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำปริมาณมากเพื่อช่วยให้ผิวไม่แห้ง และช่วยป้องกันการเสียดสีของข้อต่อในร่างกาย อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตสารนี้น้อยลง กรดไฮยาลูรอนิคหรือไฮยาลูรอนจึงถูกนำมาใช้ในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ซึ่งส่งผลให้รอยย่นต่าง ๆ ลดลง รวมถึงใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม นอกจากนี้ ยังมีการนำ Hyaluronic Acid ไปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์สกินแคร์อีกด้วย
เกี่ยวกับ Hyaluronic Acid
กลุ่มยา | อาหารเสริม |
ประเภทยา | ยาที่หาซื้อได้เอง |
สรรพคุณ | เพิ่มความชุ่มชื้นบนผิวหนัง ลดริ้วรอย และบรรเทาอาการปวดข้อจากโรคข้อเสื่อม |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ | ยังไม่มีการจัดหมวดหมู่ของยาชนิดนี้จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ซึ่งยาอาจส่งผลกระทบต่อมารดาหรือทารกในครรภ์ได้ |
การใช้ยาในผู้ให้นมบุตร | ยังไม่มีการศึกษาว่าอาหารเสริม Hyaluronic Acid สามารถซึมผ่านน้ำนมได้หรือไม่ ผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
คำเตือนในการใช้ Hyaluronic Acid
ผู้ที่จะรับประทานอาหารเสริม Hyaluronic Acid หรือไฮยาลูรอน ควรศึกษาคำเตือนและปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้ต่อสัตว์ปีก เช่น แพ้เนื้อสัตว์ ขนนก หรือไข่ ควรระวังการรับประทานอาหารเสริมและปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากอาหารเสริมไฮยาลูรอนอาจสกัดมาจากหงอนไก่ได้
- ผู้ที่ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริม Hyaluronic Acid เนื่องจากอาจทำให้ยาหรือส่วนผสมตีกันจนส่งผลต่อร่างกายได้
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่ควรรับประทานอาหารเสริม Hyaluronic Acid ก่อนปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาจส่งผลต่อการใช้ยาต้านเนื้องอก และการแพร่กระจายของมะเร็งได้
- หากกำลังจะผ่าตัดควรปรึกษาเรื่องอาหารเสริมไฮยาลูรอนกับแพทย์ หรือหยุดทานก่อน 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจมีผลต่อยาที่ใช้ระหว่างผ่าตัดได้
- หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริม Hyaluronic Acid
ปริมาณการใช้ Hyaluronic Acid
ปริมาณที่ควรรับประทานอาหารเสริมไฮยาลูรอนนั้นแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ ดังนั้นจึงควรอ่านฉลากก่อนรับประทาน หรือปรึกษากับแพทย์ก่อน ทั้งนี้ การรับประทาน Hyaluronic Acid ให้ปลอดภัย ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 200 กรัม
การใช้ Hyaluronic Acid
การใช้ Hyaluronic Acid หรือไฮยาลูรอนให้ถูกต้องและปลอดภัย สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- อ่านฉลากหรือใบกำกับของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ หรือปรึกษาปริมาณที่ควรรับประทานกับแพทย์เพื่อให้สามารถรับประทานไฮยาลูรอนได้ในจำนวนที่เหมาะสมและไม่มากเกินไป
- การรับประทานอาหารเสริม Hyaluronic Acid สามารถเลือกรับประทานก่อนหรือหลังมื้ออาหารก็ได้ แต่ไม่ควรทานเกินจำนวนที่ระบุบนฉลาก หรือเกิน 200 กรัมต่อวัน
- อาหารเสริมไฮยาลูรอนมีทั้งรูปแบบเม็ด แคปซูล และแบบผง โดยหากรับประทานในรูปแบบผง ควรนำไปผสมน้ำและปฏิบัติตามฉลากหรือใบกำกับที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์
- ควรเก็บอาหารเสริมไฮยาลูรอนในที่แห้งและชื้น และเก็บให้พ้นแสงแดด
ปฏิกิริยาระหว่าง Hyaluronic Acid กับยาอื่น
ปัจจุบันยังไม่มีรายงานหรือการศึกษาที่บอกว่า Hyaluronic Acid สามารถทำปฏิกริยากับยาหรืออาหารเสริมอื่นได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมไฮยาลูรอนที่มีส่วนผสมของยาหรือสารอื่น ๆ อาจทำให้เกิดปฏิกริยากับยาได้ นอกจากนี้ หากกำลังรับประทานยา อาหารเสริม และใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอื่นอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน Hyaluronic Acid
ผลข้างเคียงจากการใช้ Hyaluronic Acid
ไม่มีรายงานว่า Hyaluronic Acid ในรูปแบบอาหารเสริมมีผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ โดยหากเกิดอาการแพ้หลังรับประทานไฮยาลูรอน อาจมีสาเหตุจากส่วนผสมอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์ได้ ทั้งนี้ Hyaluronic Acid อาจส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือดและทำให้แผลที่มีเลือดออกใช้เวลานานขึ้นก่อนจะหยุดไหล
แม้ว่าผลข้างเคียงจาก Hyaluronic Acid จะเกิดขึ้นได้ยากหรืออาจไม่มีเลย แต่หากผู้รับประทานอาหารเสริมเกิดอาการแพ้ หรืออาการไม่พึงประสงค์ขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา