Kanamycin (กานามัยซิน) เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ ออกฤทธิ์กำจัดหรือป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย โดยไม่สามารถใช้รักษาอาการหวัด ไข้หวัด หรือการติดเชื้อไวรัสได้ ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
ยา Kanamycin มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Kanamycin
กลุ่มยา | ยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาพ่น ยาฉีด |
คำเตือนในการใช้ยา Kanamycin
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ และแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมียาหลายชนิดที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้
- แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากมีประวัติแพ้ซัลไฟต์ เป็นโรคไต โรคทางระบบประสาทและสมอง โรคทางการได้ยิน เพราะยาอาจทำให้อาการของโรคแย่ลงได้
- ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการตรวจเลือดตามที่แพทย์สั่งในระหว่างที่ใช้ยานี้
- ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง เพราะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้สูง
- หากต้องใช้ยา Kanamycin กับทารกแรกเกิด ให้ปรึกษาแพทย์และใช้ยาอย่างระมัดระวัง
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้เสมอ เพราะยาอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกได้
ปริมาณการใช้ยา Kanamycin
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับลักษณะการติดเชื้อและดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ และการติดเชื้อสแตปฟิลโลค็อกคัล
ยาที่ใช้ในระบบทางเดินหายใจหรือยาพ่น
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาปริมาณ 250 มิลลิกรัม/วัน โดยผ่านเครื่องพ่นยาแบบละอองฝอยวันละ 2-4 ครั้ง ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 1.5 กรัม/วัน
ยาฉีด
- ผู้ใหญ่ ฉีดยาปริมาณ 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยแบ่งฉีด 2-4 ครั้ง ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อหรือหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำด้วยสารละลายความเข้มข้น 0.25-0.5 เปอร์เซ็นต์ และให้ยาเป็นระยะเวลา 30-60 นาที ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 1.5 กรัม/วัน ให้มีระยะเวลาที่ใช้รักษา 7-10 วัน
- เด็ก ฉีดยาปริมาณ 15-30 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งฉีดยา 3 ครั้ง
รักษาเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และการปนเปื้อนเชื้อในช่องท้องระหว่างการผ่าตัด
ผู้ใหญ่ ให้ยาเข้าช่องท้องปริมาณ 500 มิลลิกรัม ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 1.5 กรัม/วัน
ชะล้างบริเวณโพรงเนื้อเยื่อในร่างกาย
ผู้ใหญ่ ใช้ยาจากสารละลายความเข้มข้น 0.25 เปอร์เซ็นต์ โดยค่อย ๆ ให้ยาเข้าไปที่โพรงหนอง ช่องว่างเยื่อหุ้มปอด ช่องท้อง หรือโพรงสมอง ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 1.5 กรัม/วัน
การใช้ยา Kanamycin
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- ระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรดื่มน้ำเปล่าให้มาก นอกจากแพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำน้อย
- หากลืมใช้ยา ให้ไปปรึกษาแพทย์
- ระหว่างที่ใช้ยา ผู้ป่วยต้องรับการตรวจติดตามผลการรักษาเป็นระยะ โดยแพทย์อาจให้ตรวจเลือดเพื่อประเมินผลด้วย
- หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- หากรับยาฉีดมาใช้เองที่บ้าน ผู้ป่วยต้องศึกษาขั้นตอนการเตรียมยาและวิธีใช้ยาจากแพทย์หรือเภสัชกรให้ดีก่อน เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
- ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความร้อน แสงแดด และความชื้น โดยเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Kanamycin
การใช้ยา Kanamycin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น มีผื่นคัน ระคายเคืองหรือเจ็บบริเวณที่ฉีดยา มีไข้ ปวดศีรษะ เป็นเหน็บ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น แต่หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรง หรือมีอาการแพ้ยา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น
- อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม มีผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง มีเม็ดพุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดัง มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ เป็นต้น
- ไตผิดปกติ ซึ่งอาจมีอาการบางอย่าง เช่น ปัสสาวะไม่ออก ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลงไป ปัสสาวะมีเลือดปน หรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติ เป็นต้น
- การประสานงานกันของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายเปลี่ยนแปลง สูญเสียการทรงตัว
- หายใจไม่อิ่ม เหนื่อย หรืออ่อนแรง
- เวียนศีรษะอย่างรุนแรง หมดสติ
- สูญเสียการได้ยิน มีเสียงดังในหู
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- แสบ ชา หรือรู้สึกคล้ายเข็มทิ่ม
- กระตุก
- ชัก
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน