Lansoprazole (แลนโซพราโซล)
Lansoprazole (แลนโซพราโซล) เป็นยาในกลุ่มโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (Proton Pump Inhibitors) มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งกรด ลดจำนวนกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยลดการเกิดกรดไหลย้อน อาการแสบร้อนกลางอก รวมไปถึงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ยา Lansoprazole มีข้อควรระวังในการใช้ยามากมาย ผู้ป่วยควรอ่านฉลากยาอย่างละเอียด หรือปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
เกี่ยวกับ Lansoprazole
กลุ่มยา | โปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (Proton Pump Inhibitors) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาแผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่และเด็ก |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ยาฉีด |
คำเตือนในการใช้ Lansoprazole
- ห้ามใช้ยากับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
- ผู้ที่แพ้ยา Lansoprazole ไม่ควรใช้ยา
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากกำลังตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือมีแนวโน้มจะตั้งครรภ์
- ผู้ที่กำลังให้นมบุตร ห้ามใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดถึงอันตรายและผลที่อาจเกิดขึ้นกับทารก หากยาถูกส่งผ่านทางน้ำนม
- ยาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกหักของกระดูกข้อมือ กระดูกสะโพก หรือกระดูกสันหลัง ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่ใช้ยาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป (แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นสาเหตุที่แท้จริง)
- ไม่สามารถใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้
- หากมีอาการแสบร้อนกลางอกมานานเกิน 3 เดือน หรือมากกว่านั้น ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ผู้ที่เป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากร่างกายไม่สามารถย่อย กรดอะมิโนฟีนิลอะลานีนได้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพราะยา Lansoprazole บางรูปแบบ อาจมีส่วนผสมของฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine)
- ก่อนใช้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงวิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และอาหารเสริมที่ใช้อยู่ เช่น อาหารเสริมธาตุเหล็ก เป็นต้น
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังใช้ยาต้านไวรัสริลพิไวรีน (Rilpivirine) เพราะแพทย์อาจไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับยา Lansoprazole
ผู้ที่เคยเจ็บป่วย หรือกำลังมีอาการป่วยดังต่อไปนี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ปวดท้องร่วมกับอาการปวดร้าวไปยังแขน คอ หรือไหล่
- เจ็บแน่นหน้าอก เหงื่อแตก ใจสั่น
- เวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม
- เวียนศีรษะร่วมกับอาการแสบร้อนกลางอก
- คลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะเมื่ออาเจียนเป็นเลือด
- กลืนอาหารลำบาก
- หายใจไม่อิ่ม หรือหายใจมีเสียงหวีด
- น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
- อุจจาระสีดำ หรืออุจจาระเป็นเลือด
เนื่องจากยา Lansoprazole อาจเกิดปฏิกิริยาขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยาบางชนิด ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์ถึงยาทั้งหมดที่กำลังใช้อยู่ หรือใช้ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะยาดังต่อไปนี้
- ยาเมโทเทรกเซท (Methotrexate)
- ยาทาโครลิมัส (Tacrolimus)
- ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)
- ยาอะทาซานาเวียร์ (Atazanavir)
- ยาเนลฟินาเวียร์ (Nelfinavir)
- ยาไมโคฟีโนเลต โมฟีทิล (Mycophenolate Mofetil)
- ยาขับปัสสาวะ
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) ไดจอกซิน (Digoxin)
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น แอมปิซิลลิน (Ampicillin)
ปริมาณการใช้ Lansoprazole
ยา Lansoprazole มีปริมาณ รูปแบบ และวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภาวะของผู้ป่วยที่ต้องรักษา เช่น อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน แผลในทางเดินอาหาร เป็นต้น
ตัวอย่างปริมาณการใช้ยามีดังนี้
กรดไหลย้อน
- ผู้ใหญ่
ยารับประทานปริมาณ 15-30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 4-8 สัปดาห์ เมื่ออาการดีขึ้น ให้ยาปริมาณ 15-30 มิลลิกรัม (ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อฤทธิ์ยา) - เด็กอายุ 1-11 ปี
ยารับประทานปริมาณ 15 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 12 สัปดาห์ (สำหรับผู้ที่น้ำหนักน้อยกว่า หรือเท่ากับ 30 กิโลกรัม)
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 12 สัปดาห์ (สำหรับผู้ที่น้ำหนักมากกว่า 30 กิโลกรัม)
ทั้งนี้ อาจเพิ่มปริมาณยาขึ้นเป็น 30 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หากผู้ป่วยใช้ยานานเกิน 2 สัปดาห์ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น - เด็กอายุ 12-17 ปี
ยารับประทานปริมาณ 15 มิลลิกรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์
หลอดอาหารอักเสบเป็นแผล
- ผู้ใหญ่
ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 30 มิลลิกรัม โดยให้ยาเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที วันละครั้ง นาน 7 วัน
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 8 สัปดาห์ (หากอาการยังไม่ดีขึ้น ให้เพิ่มเวลาใช้ยาไปอีก 8 สัปดาห์) และเมื่ออาการดีขึ้น ให้ยาปริมาณ 15 มิลลิกรัม วันละครั้ง - เด็กอายุ 1-11 ปี
ยารับประทานปริมาณ 15 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 12 สัปดาห์ (สำหรับผู้ที่น้ำหนักน้อยกว่า หรือเท่ากับ 30 กิโลกรัม)
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 12 สัปดาห์ (สำหรับผู้ที่น้ำหนักมากกว่า 30 กิโลกรัม)
ทั้งนี้ อาจเพิ่มปริมาณยาขึ้นเป็น 30 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หากผู้ป่วยใช้ยานานเกิน 2 สัปดาห์ แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น - เด็กอายุ 12-17 ปี
ยารับประทานปริมาณ 15 มิลลิกรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์
แผลในทางเดินอาหาร
- ผู้ใหญ่
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 4 สัปดาห์ (สำหรับแผลในลำไส้เล็ก)
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 8 สัปดาห์ (สำหรับแผลในกระเพาะอาหาร
เมื่ออาการดีขึ้น ให้ยาปริมาณ 15 มิลลิกรัม วันละครั้ง
แผลในทางเดินอาหารจากการใช้ยา NSAIDs (สำหรับใช้รักษา)
- ผู้ใหญ่
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 4-8 สัปดาห์
ป้องกันการเกิดแผลในทางเดินอาหารจากการใช้ยา NSAIDs
- ผู้ใหญ่
ยารับประทานปริมาณ 15-30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า
อาหารไม่ย่อยที่เกี่ยวข้องกับกรด
- ผู้ใหญ่
ยารับประทานปริมาณ 15-30 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์
โรคติดเชื้อเอชไพโลไร (H.Pylori Infection)
- ผู้ใหญ่
ใช้ตัวยา 3 ชนิดรักษาร่วมกัน (Triple Therapy)
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม ร่วมกับยาคลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin) ปริมาณ 500 มิลลิกรัม และยาอะมอกซิซิลลิน (Amoxicillin) 1,000 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
ยารับประทานปริมาณ 30 มิลลิกรัม ร่วมกับยาคลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin) ปริมาณ 250 มิลลิกรัม และยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
กลุ่มอาการโซลลิงเจอร์-เอลลิสัน (Zollinger-Ellison Syndrome)
- ผู้ใหญ่
ยารับประทานปริมาณ 60 มิลลิกรัม วันละครั้งในตอนเช้า และอาจปรับยาตามความเหมาะสม แต่หากต้องใช้ยามากกว่า 120 มิลลิกรัม/วัน ควรแบ่งให้ยาเป็น 2 ครั้ง
การใช้ Lansoprazole
- ควรใช้ยาตามปริมาณที่แพทย์ระบุอย่างเคร่งครัด ห้ามกินยามากกว่าหรือน้อยกว่าปริมาณที่แพทย์กำหนด
- หากใช้ยารับประทานชนิดน้ำ ควรใช้อุปกรณ์ เช่น หลอดดูดยา แก้วยาน้ำ และช้อนยา เพื่อให้ได้ปริมาณยาที่ถูกต้องแม่นยำ
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากใช้ยามานานเกิน 3 ปี เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดวิตามิน บี12
- ควรเก็บยาในอุณหภูมิห้อง หรือที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ให้พ้นจากความร้อน ความชื้น หรือแสงแดด และห้ามนำยาไปแช่แข็ง
- หากลืมกินยา ให้กินยาทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้กับช่วงเวลาในการกินยาครั้งต่อไป ให้ข้ามยาที่ลืมไป และไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเพื่อทดแทน
- หากกินยาเกินขนาด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- หากต้องใช้ยาซูคราลเฟต (Sucralfate) ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 30 นาที หลังจากใช้ยา Lansoprazole
- ควรเก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่มากับตัวยา ปิดให้สนิท ให้พ้นมือเด็ก
- ควรทิ้งยา เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่ได้ใช้ยาแล้ว
ผลข้างเคียงจากการใช้ Lansoprazole
ผลข้างเคียงบางอย่างจากยา เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้เล็กน้อย อาจไม่จำเป็นต้องรับการรักษาทางการแพทย์ เพราะเมื่อร่างกายปรับตัวให้คุ้นชินกับยาแล้ว อาการดังกล่าวอาจหายไปเอง แต่หากยังเป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง จนอาการนั้นรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือหากผู้ป่วยมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์
ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับผลข้างเคียงรุนแรงดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- คัน เป็นผื่นผิวหนัง
- อยากอาหารมากขึ้น หรือไม่อยากอาหารเลย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย
- ปวดช่องท้อง
- ปวดข้อต่อ