Ledipasvir-Sofosbuvir (เลดิพาสเวียร์-โซฟอสบูเวียร์)
Ledipasvir-Sofosbuvir (เลดิพาสเวียร์-โซฟอสบูเวียร์) เป็นยาต้านไวรัสที่นำมาใช้รักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี โดยออกฤทธิ์ยับยั้งไวรัสดังกล่าวไม่ให้แพร่กระจายในร่างกาย หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
ยา Ledipasvir-Sofosbuvir มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Ledipasvir-Sofosbuvir
กลุ่มยา | ยาต้านไวรัส |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษารักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
คำเตือนในการใช้ยา Ledipasvir-Sofosbuvir
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ และแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาเกี่ยวกับโรคประจำตัวทุกชนิดที่เป็นอยู่ รวมถึงปัจจัยทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น ตับผิดปกติ เป็นโรคไต เอชไอวีหรือเอดส์ มีภาวะจังหวะหัวใจเต้นผิดปกติที่ต้องใช้ยาอะมิโอดาโรน กำลังใช้ยาไรบาไวรินและยาต้านการแข็งตัวของเลือด เคยรับการตรวจไอเอ็นอาร์ (INR test) หรือการตรวจระยะเวลาทำงานของโปรทรอมบิน เป็นต้น
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้หากเป็นไวรัสตับอักเสบ บี เพราะอาจเสี่ยงเกิดอาการและการติดเชื้อที่รุนแรงหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์
- ระหว่างที่ใช้ยา Ledipasvir-Sofosbuvir ร่วมกับยาไรบาไวริน ให้ผู้ป่วยใช้การคุมกำเนิดอย่างน้อย 2 วิธี และควรคุมกำเนิดอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากใช้ยาครั้งสุดท้าย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ เพราะอาจเสี่ยงทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือเด็กอาจพิการแต่กำเนิดได้ ทั้งนี้ หากตั้งครรภ์ระหว่างที่ใช้ยาอยู่ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ผู้ที่กำลังให้นมบุตรต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพราะยาอาจซึมผ่านสู่น้ำนมมารดาและเป็นอันตรายต่อทารกได้
- ไม่อนุญาตให้ใช้ยานี้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี หรือมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 35 กิโลกรัม
ปริมาณการใช้ยา Ledipasvir-Sofosbuvir
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
ผู้ใหญ่ และเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนักตัวอย่างน้อย 35 กิโลกรัม
รับประทานยาปริมาณ 90-400 มิลลิกรัม จำนวน 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง
ส่วนระยะเวลาในการใช้ยา ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของโรค หรือตามดุลยพินิจของแพทย์ด้วย ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาในการรักษา 12-24 สัปดาห์
การใช้ยา Ledipasvir-Sofosbuvir
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- สามารถใช้ยาพร้อมหรือไม่พร้อมมื้ออาหารก็ได้ และให้ใช้ยาในเวลาเดิมทุกวัน
- ระหว่างที่ใช้ยา ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการตรวจเลือดอยู่บ่อยครั้ง เพื่อตรวจการทำงานของตับ
- ยานี้อาจทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี มีอาการแย่ลงหรือกลับมาเป็นโรคนี้ซ้ำได้ ซึ่งผู้ป่วยต้องเข้ารับการตรวจการทำงานของตับระหว่างที่รักษาและหลังจากหยุดใช้ยาเป็นเวลาหลายเดือนด้วย
- ห้ามปรับเปลี่ยนปริมาณการใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
- ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ชนิดเรื้อรัง ควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ห้ามหยุดใช้ยาอย่างกะทันหัน เพราะอาจทำให้ใช้ยารักษาได้ยากขึ้น
- หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป ห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความร้อนและความชื้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Ledipasvir-Sofosbuvir
การใช้ยา Ledipasvir-Sofosbuvir อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อย และปวดศีรษะ เป็นต้น
ทั้งนี้ หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือมีอาการแพ้ยา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น
- อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม ลิ้นบวม และริมฝีปากบวม เป็นต้น
- เบื่ออาหาร ท้องไส้ปั่นป่วน
- ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด
- ตัวเหลืองตาเหลือง
นอกจากนี้ หากใช้ยา Ledipasvir-Sofosbuvir ร่วมกับยาอะมิโอดาโรน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับหัวใจเป็นอาการที่รุนแรง เช่น หัวใจเต้นช้ามากกว่าปกติ หายใจไม่อิ่ม เจ็บหน้าอก สับสน มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ อ่อนเพลีย เหนื่อยอย่างรุนแรง และวิงเวียน เป็นต้น และหากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติมก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน