Levetiracetam (ลีวีไทราซีแทม)
Levetiracetam (ลีวีไทราซีแทม) เป็นยากันชักที่อาจช่วยลดอาการชักได้หลายชนิด นำมาใช้รักษาอาการชักหรืออาจใช้ร่วมกับยาต้านชักชนิดอื่น ๆ นอกจากนี้ อาจนำมาใช้รักษาโรคอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์ด้วย
ยา Levetiracetam มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Levetiracetam
กลุ่มยา | ยาต้านชัก |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาอาการชัก |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาฉีด ยารับประทาน |
คำเตือนในการใช้ยา Levetiracetam
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ และแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมียาหลายชนิดที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากเป็นผู้ป่วยที่ไตทำงานผิดปกติหรือกำลังฟอกไต เนื่องจากยา Levetiracetam อาจต้องถูกปรับลดปริมาณลงเมื่อใช้กับผู้ป่วยที่ไตผิดปกติ
- แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
- ระหว่างที่ใช้ยา ผู้ป่วยต้องเข้ารับการตรวจเลือดตามที่แพทย์สั่ง
- ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการชัก และหากหยุดใช้ยาก็ต้องค่อย ๆ หยุดยาตามที่แพทย์สั่ง
- ยานี้อาจทำให้อารมณ์หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป หากเกิดความผิดปกติใด ๆ ให้ไปปรึกษาแพทย์
- ยา Levetiracetam อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างรุนแรงได้ อย่างภาวะแองจิโออีดีมา (Angioedema) หรืออาการบวมรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ใบหน้าบวม มือบวม ริมฝีปากบวม ตาบวม ลิ้นบวม หรือคอบวม มีปัญหาในการหายใจและการกลืน หรือเสียงแหบผิดปกติ ซึ่งหากพบอาการผิดปกติดังกล่าวให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
- ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ให้ใช้ยาอย่างระมัดระวัง เพราะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงได้สูง
- ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้กับเด็ก และใช้ยาอย่างระมัดระวังเสมอ
- เด็กอายุต่ำกว่า 4 ปีที่ใช้ยานี้ อาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตอยู่บ่อยครั้ง
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้เสมอ และยานี้อาจออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์
- สตรีที่ให้นมบุตรหรือวางแผนให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้
ปริมาณการใช้ยา Levetiracetam
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
ใช้ร่วมกับยารักษาอาการชักชนิดอื่น
ยาฉีด
ผู้ใหญ่ สำหรับผู้ป่วยทีี่มีอาการชักเฉพาะส่วน โดยอาจมีหรือไม่มีอาการชักทั้งตัวในภายหลัง อาการชักแบบชักสะดุ้ง และอาการชักชนิดชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ในวันที่ 1 ให้หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณเริ่มต้น 500 มิลลิกรัมเป็นเวลาประมาณ 15 นาที วันละ 2 ครั้ง และปรับลดหรือเพิ่มปริมาณยาจากเดิมแล้วให้ยาวันละ 2 ครั้งในช่วงระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ โดยปริมาณยาสูงสุดต้องไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
เด็ก
- อายุไม่เกิน 6 เดือนจนถึง 1 ปี ให้หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ ปริมาณยาเริ่มต้น 14 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน อาจเพิ่มปริมาณอีก 14 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 42 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 6 เดือน และมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 50 กิโลกรัม ให้หยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณยาเริ่มต้น 20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน อาจเพิ่มปริมาณยาอีก 20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในสัปดาห์ที่ 2 โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 60 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นเวลาประมาณ 15 นาที
ยารับประทาน
ผู้ใหญ่ สำหรับผู้ป่วยทีี่มีอาการชักเฉพาะส่วน โดยอาจมีหรือไม่มีอาการชักทั้งตัวในภายหลัง อาการชักแบบชักสะดุ้ง และอาการชักชนิดชักเกร็งกระตุกทั้งตัว ในวันที่ 1 ให้รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง และปรับลดหรือเพิ่มปริมาณยาอีก 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ในช่วงระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ โดยปริมาณยาสูงสุดต้องไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
เด็ก
- อายุน้อยกว่า 6 เดือนจนถึง 1 ปี รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 14 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน อาจปรับปริมาณยาเพิ่มอีก 14 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 โดยมีปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 42 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 6 เดือน และมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 50 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน อาจเพิ่มปริมาณยาอีก 20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 โดยมีปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 60 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
ใช้รักษาอาการชักเฉพาะส่วน โดยอาจมีหรือไม่มีอาการชักทั้งตัวในภายหลังร่วมด้วย และใช้เป็นยารักษาเพียงขนานเดียว
ยาฉีด
ผู้ใหญ่ ให้ยาเข้าทางหลอดเลือดดำปริมาณเริ่มต้น 250 มิลลิกรัม เป็นเวลาประมาณ 15 นาที วันละ 2 ครั้ง หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ เพิ่มปริมาณขึ้นจากเดิม 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง และอาจเพิ่มปริมาณยาขึ้นอีก 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยา โดยมีปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
ยารับประทาน
ผู้ใหญ่ รับประทานยาเริ่มต้น 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ เพิ่มปริมาณจากเดิม 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง อาจเพิ่มปริมาณยาอีก 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยา โดยมีปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
การใช้ยา Levetiracetam
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- ยา Levetiracetam ชนิดยาฉีดจะใช้หยดเข้าทางหลอดเลือดดำภายใต้คำสั่งแพทย์เท่านั้น
- ยา Levetiracetam ชนิดรับประทาน ผู้ป่วยสามารถรับประทานพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้
- หากลืมรับประทานยา ควรปรึกษาแพทย์
- หากสงสัยว่าตนรับประทานยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ระหว่างที่ใช้ยา ควรดื่มน้ำเปล่าให้มาก นอกจากแพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำน้อย
- ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีเก็บยาและกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้วอย่างเหมาะสม
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Levetiracetam
การใช้ยา Levetiracetam อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ท้องเสีย เวียนศีรษะ ง่วงนอน คัดจมูก ระคายเคืองคอและจมูก ปวดท้อง นอนไม่หลับ รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน และไม่อยากอาหาร เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยาดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
- อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม ผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง มีเม็ดพุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดัง มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ เป็นต้น
- กลุ่มอาการสตีเวนส์–จอห์นสัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ผิวหนังและเยื่อบุผิวทั่วร่างกาย
- มีการติดเชื้อ ซึ่งอาจมีอาการบางอย่าง เช่น มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอรุนแรง เจ็บหู เจ็บไซนัส ไอ มีเสมหะมาก เสมหะเปลี่ยนสี เจ็บเวลาปัสสาวะ มีแผลในปาก และแผลหายช้า เป็นต้น
- ง่วงนอนมาก รู้สึกเหนื่อย หรืออ่อนเพลีย มากผิดปกติ
- การทรงตัวเปลี่ยนแปลง การเดินผิดปกติ
- มีเลือดออกหรือมีรอยฟกช้ำผิดปกติโดยไม่สามารถอธิบายได้
- ปวดศีรษะมาก เวียนศีรษะรุนแรง หรือหมดสติ
- อาการชักรุนแรงขึ้น หรือมีอาการเหมือนก่อนใช้ยา
- ประสาทหลอน
นอกจากนี้ ยา Levetiracetam ชนิดยาฉีด อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ใช้มีความคิดฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตายได้ โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประวัติพฤติกรรมดังกล่าว ดังนั้น หากพบว่ามีอาการ เช่น ซึมเศร้า ประหม่า กระสับกระส่าย หงุดหงิด โรคแพนิค อารมณ์เปลี่ยนแปลง มีอาการแย่ลงหรือมีอาการใหม่เกิดขึ้น เป็นต้น ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และหากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน