Modafinil (ยาโมดาฟินิล)

Modafinil (ยาโมดาฟินิล)

Modafinil (ยาโมดาฟินิล) เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยสันนิษฐานว่าตัวยาส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมองอย่างกาบา (GABA) ที่ช่วยในการนอนหลับ นำมาใช้รักษาโรคลมหลับ โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ รักษาความผิดปกติจากการนอนหลับไม่เป็นเวลา และอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

ยา Modafinil มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

Modafinil

ยา Modafinil มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Modafinil

กลุ่มยา ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ โรคลมหลับ รักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ รักษาความผิดปกติจากการนอนหลับไม่เป็นเวลา
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Modafinil

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ ยาอาร์โมดาฟินิล รวมถึงการแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมียาหลายชนิดที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ โดยเฉพาะยาโอเมพราโซล ยาเฟนิโทอิน ยาวาร์ฟาริน และยาไดอะซีแพม
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีประวัติผื่นขึ้นเมื่อใช้ยานี้หรือยาที่ใกล้เคียงกัน
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือลิ้นหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือความดันโลหิตสูง
  • แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
  • ก่อนเริ่มใช้ยานี้ ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการตรวจหัวใจตามที่แพทย์สั่ง
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ ผู้ป่วยต้องเข้ารับการตรวจความดันโลหิตตามที่แพทย์สั่ง
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยานี้
  • หลีกเลี่ยงการขับรถหรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความตื่นตัว เพราะยาอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ผู้ป่วยควรรอจนกว่าจะแน่ใจว่ายาไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง จึงกลับไปทำกิจกรรมดังกล่าวตามปกติ
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ ให้ผู้ป่วยจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและช็อกโกแลต เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ประหม่า สั่น และหัวใจเต้นเร็ว
  • ผู้ป่วยที่ใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจมีภาวะติดยาได้
  • การหยุดใช้ยา Modafinil อย่างกะทันหันอาจทำให้เกิดอาการถอนยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากหยุดใช้ยาแล้วพบความผิดปกติใด ๆ
  • ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ให้ใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง เพราะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงสูง
  • ยา Modafinil ไม่อนุญาตให้ใช้กับเด็ก เพราะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะกลุ่มอาการสตีเวนส์-จอห์นสัน หรือหากจำเป็นต้องใช้ยาจริง ๆ ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้ยานี้
  • ยานี้อาจทำให้ยาคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพลดลง ผู้ป่วยควรใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยในระหว่างที่ใช้ยานี้และ 1 เดือน หลังจากที่หยุดใช้ยานี้ เช่น ถุงยางอนามัย เป็นต้น

ปริมาณการใช้ยา Modafinil

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

รักษาโรคลมหลับและภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 200 มิลลิกรัม/วัน วันละ 1 ครั้ง ในมื้อเช้า หรือแบ่งรับประทาน 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนบ่าย ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 400 มิลลิกรัม/วัน โดยรับประทาน 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยา
ผู้สูงอายุ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 100 มิลลิกรัม/วัน

รักษาความผิดปกติจากการนอนหลับไม่เป็นเวลา
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 200 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง 1 ชั่วโมงก่อนเริ่มทำงาน
ผู้สูงอายุ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 100 มิลลิกรัม/วัน

การใช้ยา Modafinil

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • การใช้ยา Modafinil มักใช้ติดต่อกันไม่เกิน 12 สัปดาห์
  • รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือระหว่างมื้ออาหารก็ได้ สำหรับการรักษาความผิดปกติจากการนอนหลับไม่เป็นเวลา ให้ใช้ยา 1 ชั่วโมง ก่อนเริ่มทำงาน ส่วนภาวะง่วงหลับในตอนกลางวัน ให้รับประทานยาในเวลาเช้า
  • กรณีีใช้ยานี้รักษาความผิดปกติทางการนอนหลับที่เกิดจากโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจ แพทย์อาจให้ใช้ยาควบคู่ไปกับการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก ซึ่งจะช่วยขยายทางเดินหายใจขณะนอนหลับ และห้ามหยุดใช้เครื่องดังกล่าวด้วยตนเอง
  • ยา Modafinil ไม่ได้ใช้รักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นหรือรักษาต้นเหตุของโรคที่แท้จริง ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามขั้นตอนการรักษาอื่น ๆ ของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย
  • ยา Modafinil ไม่ได้ใช้สำหรับช่วยในการนอนหลับ ห้ามนำมาใช้ทดแทนการนอนหลับไม่เพียงพอ
  • ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
  • หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • หากลืมใช้ยาให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ได้เวลานอนแล้ว ให้ข้ามไปใช้ยาในรอบถัดไป และห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีเก็บยาและวิธีกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้วอย่างเหมาะสม
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ในที่แห้ง ห่างจากความชื้น และเก็บให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Modafinil

การใช้ยา Modafinil อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ปวดศีรษะ ประหม่า ตื่นเต้นง่ายกว่าปกติ นอนไม่หลับ ท้องเสีย ปวดหลัง ปวดท้อง เวียนศีรษะ น้ำมูกไหล คัดจมูก เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์

หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Modafinil ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที

  • อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม ผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง พุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดัง มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ เป็นต้น
  • ไตทำงานผิดปกติ ทำให้มีอาการบางอย่าง เช่น ปัสสาวะไม่ออก ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลง ปัสสาวะมีเลือดปน หรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
  • ตับทำงานผิดปกติ ทำให้มีอาการข้างเคียง เช่น ไม่อยากอาหาร อาเจียน อ่อนเพลีย ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด
  • อาการของภาวะซึมเศร้า ได้แก่ มีความคิดฆ่าตัวตาย ประหม่า อารมณ์แปรปรวน ความคิดผิดปกติ วิตกกังวล หรือขาดความสนใจในการใช้ชีวิต
  • หัวใจผิดปกติ อาจมีอาการเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดปกติ หรือหายใจไม่อิ่ม
  • หลอน สับสน ปวดศีรษะมาก
  • มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอ
  • แขนบวมหรือขาบวม
  • เกิดรอยช้ำหรือมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียมาก
  • เจ็บกล้ามเนื้อหรือปวดข้อ
  • เกิดปฏิกิริยาต่อผิวหนังอย่างรุนแรงหรือกลุ่มอาการสตีเวนส์-จอห์นสัน อาจทำให้มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด หนาวสั่น เจ็บคอ และปวดศีรษะ

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน