ความหมาย ภาวะพาเรสทีเชีย (Paresthesia)
Paresthesia (ภาวะพาเรสทีเชีย) คือ ความรู้สึกเหมือนโดนของแหลมทิ่ม รู้สึกคัน เสียว หรือแสบร้อน เกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณมือ แขน ขา และเท้า โดยอาจเกิดจากการกดทับเส้นประสาทแบบไม่ได้ตั้งใจอย่างการนอนทับแขนหรือนั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายไปได้เองโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการเรื้อรังก็ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุมาจากโรคหรืออาการเจ็บป่วยบางชนิดได้
อาการของภาวะพาเรสทีเชีย
ผู้ป่วยอาจมีอาการเกิดขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยมีอาการที่พบได้บ่อย เช่น รู้สึกเหมือนโดนของแหลมทิ่มแทงผิวหนัง แสบร้อน รู้สึกเหมือนไฟช็อต เคลื่อนไหวบริเวณที่มีอาการลำบาก รู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ใต้ผิวหนัง เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่นาทีเมื่อผู้ป่วยเปลี่ยนท่าทาง อย่างการยืนขึ้นหลังจากนั่งมาเป็นเวลานาน หรือตื่นขึ้นมาจากการนอนทับแขน
อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นภาวะเจ็บป่วยที่ควรได้รับการรักษา หรืออาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเส้นประสาทกำลังได้รับความเสียหาย
- รู้สึกชา เสียว หรือแสบร้อนโดยไม่ทราบสาเหตุ และเป็นอยู่นานหรือส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
- มีอาการบาดเจ็บที่หลัง ศีรษะ คอ และไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้
- รู้สึกปวดอย่างรุนแรง
- เวียนศีรษะ
- สับสน
- มีปัญหาในการคิดหรือการพูด
- การมองเห็นผิดปกติ
- กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้
- หมดสติ
สาเหตุของภาวะพาเรสทีเชีย
อาการ Paresthesia ที่เกิดขึ้นชั่วคราวมักมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทถูกกดทับในช่วงเวลาสั้น ๆ จนไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือดในบริเวณใดบริเวณหนึ่งและมีอาการดังกล่าวตามมา ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในท่าทางใดนาน ๆ เช่น นอนหลับทับมือหรือแขน นั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน เป็นต้น
ทั้งนี้ หากอาการต่าง ๆ ไม่หายไป หรือเกิดอาการแบบเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติหรือความเสียหายของเส้นประสาทได้ โดยอาจมีสาเหตุดังต่อไปนี้
การเจ็บป่วย
- ภาวะขาดวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะวิตามินบี 12
- ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์
- โรคเบาหวาน
- ผิวหนังได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจเกิดจากผื่นคัน การอักเสบ หรือการติดเชื้อ
- โรคเรเนาด์ ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดชนิดหนึ่ง มักเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยสัมผัสกับอุณหภูมิที่หนาวเย็นจนทำให้ผิวหนังเกิดการเปลี่ยนสี
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis)
- โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท
- กลุ่มอาการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ เกิดขึ้นเพราะได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวร่างกายบริเวณข้อมืออย่างซ้ำ ๆ เป็นประจำ
- อาการไซอาติก้า ซึ่งเป็นอาการปวดตามแนวเส้นประสาทไซอาติกที่อยู่บริเวณหลังส่วนล่าง สะโพก ต้นขา ยาวไปถึงปลายขาแต่ละข้าง มักเกิดขึ้นจากหมอนรองกระดูกหรือกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทนี้
สาเหตุอื่น ๆ
- การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเป็นเวลานาน
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัด ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี ยาต้านชัก เป็นต้น
- การรักษาด้วยการฉายรังสี
การวินิจฉัยภาวะพาเรสทีเชีย
การวินิจฉัยอาการ Paresthesia อาจมีขั้นตอนดังนี้
- การซักประวัติสุขภาพ แพทย์จะเริ่มจากการสอบถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย ยาหรืออาหารเสริมที่ผู้ป่วยกำลังใช้ พฤติกรรมการใช้ชีวิต และกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผู้ป่วยทำเป็นประจำ
- การตรวจร่างกายและระบบประสาท แพทย์จะตรวจร่างกายเพื่อทดสอบการทำงานของระบบประสาทว่าเป็นไปตามปกติหรือไม่
- การตรวจเลือด อาจใช้ในผู้ป่วยบางราย เพื่อตรวจดูระดับวิตามินบีหรือระดับน้ำตาลในเลือด แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้มาวิเคราะห์หาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการนี้
- การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ เป็นการตรวจโดยใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อบันทึกความเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อและเส้นประสาทรับความรู้สึก
- การตรวจจากภาพถ่ายรังสี เช่น การเอกซเรย์ การทำ CT Scan การทำ MRI Scan เป็นต้น โดยแพทย์อาจฉีดสารทึบรังสีเข้าร่างกายก่อนทำการตรวจด้วย เพื่อให้เห็นภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
การรักษาภาวะพาเรสทีเชีย
การรักษาอาการ Paresthesia จะมุ่งเน้นไปที่การรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่เป็นต้นเหตุ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยแต่ละรายปฏิบัติตามแนวทางต่าง ๆ เช่น
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยมักแนะนำให้ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวร่างกายบางส่วนซ้ำ ๆ เป็นประจำหยุดพักกิจกรรมดังกล่าว รวมทั้งอาจต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กันด้วย
- รับวิตามินบี เพื่อเพิ่มระดับวิตามินบีในเลือดให้สูงขึ้น
- หยุดใช้ยาบางชนิดที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มากนักหากยาชนิดนั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นอาการ Paresthesia
- หากผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดภายใต้การดูแลของแพทย์
- แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีอาการ Paresthesia จากโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือเข้ารับการดามข้อมือ หรืออาจเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะดังกล่าวหากมีอาการรุนแรง
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะพาเรสทีเชีย
ผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดแปลบ เสียว หรือรับรู้การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้น้อยลง ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บโดยไม่รู้สึกตัวเมื่อสัมผัสกับวัตถุอันตรายบางอย่าง เช่น วัตถุที่มีความร้อน วัตถุแหลมคม เป็นต้น ดังนั้น ในระหว่างที่มีอาการ ผู้ป่วยจึงควรระมัดระวังตนมากเป็นพิเศษ
ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการ Paresthesia แบบเรื้อรัง หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดผลกระทบหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น หากมีอาการอย่างเรื้อรังหรือรุนแรงจึงควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสม เพราะอาการนี้อาจมีสาเหตุมาจากภาวะเจ็บป่วยที่เป็นอันตรายได้
การป้องกันภาวะพาเรสทีเชีย
อาการ Paresthesia ไม่สามารถป้องกันได้เสมอไป แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจเสี่ยงต่อการกดทับเส้นประสาท หรือกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวในท่าเดิมแบบซ้ำ ๆ และควรหยุดพักบ่อย ๆ ในระหว่างที่ทำกิจกรรมดังกล่าว
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ และไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นระยะ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยด้วยโรคที่อาจเป็นสาเหตุของ Paresthesia
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดสมอง ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเกิด Paresthesia เป็นประจำ