Q10 (คิวเทน)
Q10 หรือ Coenzyme Q10 (Ubiquinone Coenzyme Q-10) หรือที่รู้จักกันในทางการแพทย์อีกชื่อหนึ่งว่า CoQ10 คือสารที่มีคุณสมบัติคล้ายวิตามินซึ่งร่างกายสามารถผลิตเองได้ในปริมาณหนึ่ง มีฤทธิ์ช่วยขนส่งอิเล็กตรอนและช่วยในกระบวนการผลิตพลังงานของเซลล์ในร่างกาย และกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยสารชนิดนี้มักพบได้มากในอวัยวะที่ต้องใช้พลังงานมาก เช่น หัวใจ ไต ตับ และตับอ่อน เป็นต้น
นอกจากนี้ Q10 อาจมีผลช่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะไมเกรน ลดความดันโลหิต ป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือดซ้ำ ชะลอการเกิดอาการของโรคพาร์กินสัน ช่วยในการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาระบบประสาทของโรคเบาหวาน โรคกล้ามเนื้อเสื่อม และโรคจอประสาทเสื่อม และยังนำมาใช้ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในนักกีฬาอีกด้วย
เกี่ยวกับ Coenzyme Q10
กลุ่มยา | ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม |
ประเภทยา | หาซื้อเองได้ |
สรรพคุณ | ต้านอนุมูลอิสระ ลดภาวะขาด Q10 และใช้รักษาโรคหัวใจ |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาเม็ด |
คำเตือนเกี่ยวกับ Q10
- ผู้ที่มีอาการแพ้ยา อาหาร หรือสารประกอบอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยานี้
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่ได้รับแนะนำจากแพทย์
- ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ หากอยู่ในระหว่างใช้ยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรอื่น ๆ
- หากป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงหรือความดันโลหิตต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- ผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างการรักษาโรคด้วยเคมีบำบัดควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ หรือหากจำเป็นต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์
- หากสูบบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Q10 แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด
- สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรไม่ควรใช้ยานี้โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็ก โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างใช้ยานี้ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ โดยเด็ดขาด
ปริมาณการใช้ยา
- ใช้เพื่อบำรุงร่างกาย วันละ 30-200 มิลลิกรัมต่อวัน
- รักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 150-600 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทานตามจำนวนครั้งที่แพทย์กำหนด
- รักษาภาวะหัวใจวาย 50-150 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งเป็นวันละ 2-3 ครั้ง
การใช้ Q10
Q10 มักพบในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยหาซื้อเองได้ทั่วไป และควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ควรใช้ในปริมาณที่แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ หรือบนฉลากแจ้งไว้เท่านั้น ไม่ควรใช้ยานี้โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และควรหลีกเลี่ยงการใช้นี้ร่วมกับยาหรืออาหารเสริมอื่น ๆ เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 วิตามินต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินเอ ซี อี เค เป็นต้น ยารักษาความดันโลหิต ยารักษาโรคมะเร็ง ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หากไม่แน่ใจว่ายาที่ใช้อยู่จะมีผลต่อการใช้ Q10 หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการใช้ Q10 ในรูปแบบที่ต่างกันในเวลาเดียวกัน เพราะอาจส่งต่อปริมาณ Q10 และเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับยาเกินขนาด
ระหว่างการใช้ยานี้ ผู้ใช้ควรหมั่นตรวจความดันโลหิตอยู่เสมอ เนื่องจากยาดังกล่าวอาจทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ หากต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดใช้ยานี้ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ยาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อน้ำตาล จึงควรติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ และควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนยารักษาโรคเบาหวานหากจำเป็น
สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร หากต้องใช้ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้ยา เพราะตัวยาดังกล่าวอาจเจือปนในน้ำนมหรือทำให้ทารกในครรภ์ได้รับยานี้และเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ ยาดังกล่าวยังห้ามใช้ในเด็ก เนื่องจากไม่มีหลักฐานยืนยันถึงความปลอดภัยในการใช้ยาดังกล่าว
ในการเก็บรักษายา ควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ห่างจากแสง ความร้อน และความชื้น และควรปิดยาให้สนิทเมื่อไม่ใช้ เพื่อป้องกันยาได้รับความชื้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ Q10
แม้ Q10 จะเป็นสารที่มีความสำคัญกับร่างกายแต่การใช้อาหารเสริมที่มีสารสกัดของ Q10 อาจทำให้พบอาการแพ้ รวมทั้งก่อให้เกิดผื่นลมพิษ หายใจลำบาก ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และคอบวมได้ ซึ่งควรไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนี้ อาจพบผลข้างเคียงอื่นๆ ที่ไม่พึงประสงค์ได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้ และควรหยุดใช้ยาทันทีหากเกิดอาการเหล่านี้
- ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
- สูญเสียความอยากอาหาร
- ท้องเสีย
- มีผื่นขึ้น
- ความดันโลหิตต่ำ
ทั้งนี้ หากผู้ใช้ยามีอาการความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรง วิงเวียนศีรษะ รู้สึกอ่อนแรงมากผิดปกติ หรือรู้สึกคล้ายจะหมดสติควรรีบหยุดใช้ยาแล้วไปพบแพทย์ในทันทีเพื่อความปลอดภัย