Rosiglitazone (โรซิกลิทาโซน)

Rosiglitazone (โรซิกลิทาโซน)

Rosiglitazone (โรซิกลิทาโซน) เป็นยารักษาโรคเบาหวานที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อรักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โดยใช้ร่วมกับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหาร

ยา Rosiglitazone มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

1710 Rosiglitazone resize

เกี่ยวกับยา Rosiglitazone

กลุ่มยา ยารักษาโรคเบาหวาน
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน

 

คำเตือนในการใช้ยา Rosiglitazone

  • ยา Rosiglitazone อาจทำให้ผู้ป่วยบางรายมีภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งเมื่อเริ่มใช้ยาผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และหากพบว่ามีอาการ เช่น ขาบวม แขนบวม เหนื่อยล้า หายใจไม่อิ่ม หายใจผิดปกติ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นกะทันหันหรือเพิ่มมากผิดปกติ เป็นต้น ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที
  • ในขณะที่ผู้ป่วยเกิดความเครียดอาจทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายได้ยากกว่าปกติ เช่น ระหว่างที่มีไข้ มีการติดเชื้อ เกิดการบาดเจ็บ หรือเข้ารับการผ่าตัด เป็นต้น โดยหากพบว่ามีภาวะดังกล่าวให้ผู้ป่วยปรึกษาแพทย์ เพราะอาจต้องเปลี่ยนแผนการรักษา ปรับการใช้ยา หรือต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีประวัติแพ้ยาหรือแพ้ส่วนประกอบของยาชนิดนี้ และแพ้ยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพรใด ๆ เพราะมียาหลายชนิดที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากมีประวัติเป็นเบาหวานประเภทที่ 1 หรือกำลังรักษาด้วยอินซูลิน
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่เคยเป็นหรือกำลังเป็นโรคหัวใจล้มเหลว โรคหัวใจขาดเลือด โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือโรคตับในระยะกำเริบ
  • แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
  • หลีกเลี่ยงการขับรถ การทำงานที่ใช้เครื่องจักร หรือการทำกิจกรรมที่ต้องมีความตื่นตัว จนกว่าจะแน่ใจว่ายาไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เพราะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำก็อาจทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน ง่วงซึม หรือเวียนศีรษะได้
  • ระหว่างที่ใช้ยา ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจเลือดและตรวจระดับน้ำตาลในเลือดตามที่แพทย์สั่ง และอาจต้องตรวจตาด้วย
  • ยา Rosiglitazone อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหักโดยเฉพาะในเพศหญิง ซึ่งพบว่ามักเกิดขึ้นหลังใช้ยาไปเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ดังนั้น ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว
  • ปรึกษาแพทย์หากต้องการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างที่ใช้ยา และปฏิบัติตามแผนการรักษารวมทั้งด้านการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายตามที่แพทย์สั่ง
  • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง เพราะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้สูง
  • ยา Rosiglitazone อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนและเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีคุมกำเนิดในระหว่างที่ใช้ยานี้
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังวางแผนมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียก่อนใช้ยานี้ เพราะการตั้งครรภ์อาจทำให้อาการของโรคเบาหวานแย่ลง โดยให้ผู้ป่วยปรึกษาแพทย์ถึงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างที่ตั้งครรภ์ และแพทย์อาจเปลี่ยนแปลงแผนการรักษาตามเหมาะสม
  • ผู้ที่่กำลังให้นมบุตรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตรเสมอ เพราะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ายาสามารถซึมผ่านเข้าสู่น้ำนมมารดาและเป็นอันตรายต่อทารกได้หรือไม่

ปริมาณการใช้ยา Rosiglitazone

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

โรคเบาหวานประเภทที่ 2

ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ รับประทานยา 4 มิลลิกรัม/วัน โดยใช้ยาตัวเดียว และอาจใช้ร่วมกันกับยาเมทฟอร์มินหรือยาซัลโฟนิลยูเรีย หรือใช้ร่วมกันทั้ง 3 ตัว หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยา อาจเพิ่มปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 8 มิลลิกรัม/วัน หลังผ่านไป 8-12 สัปดาห์ โดยอาจใช้ยา 1 ครั้ง หรือแบ่งใช้ยา 2 ครั้ง

การใช้ยา Rosiglitazone

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • ใช้ยา Rosiglitazone พร้อมหรือไม่พร้อมมื้ออาหารก็ได้
  • ใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่งแม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
  • ไม่ลืมกินยา เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
  • หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป และไม่เพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • ห้ามให้ผู้อื่นใช้ยานี้ และห้ามใช้ยาของผู้อื่น
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
  • หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความร้อน แสงแดด และความชื้น โดยเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีการเก็บยาที่ถูกต้อง และวิธีการกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้วอย่างเหมาะสม

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Rosiglitazone
การใช้ยา Rosiglitazone อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบบ่อย เช่น ระคายเคืองคอและจมูก ปวดศีรษะ ไอ ปวดข้อ และมีอาการหวัด เป็นต้น แต่หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือมีอาการแพ้ยา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น

  • อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม มีผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง มีเม็ดพุพอง ผิวลอกพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดัง มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ เป็นต้น
  • การมองเห็นเปลี่ยนแปลงไป
  • ปวดกระดูก
  • รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนแรงมาก
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ร่างกายอ่อนแรงด้านใดด้านหนึ่ง กล้ามเนื้อใบหน้าตกข้างใดข้างหนึ่ง มีปัญหาในการพูดหรือการคิด การทรงตัวเปลี่ยนแปลงไป และมองเห็นไม่ชัดเจน
  • ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาจทำให้มีอาการบางอย่าง เช่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ง่วง อ่อนแรง ตัวสั่น หัวใจเต้นเร็ว สับสน หิว และมีเหงื่อออก เป็นต้น
  • ตับทำงานผิดปกติ ทำให้มีอาการบางอย่าง เช่น เหนื่อย เบื่ออาหาร ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด อาเจียน และตัวเหลืองตาเหลือง เป็นต้น
  • โรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจทำให้มีอาการบางอย่าง เช่น เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เจ็บขา เจ็บหลัง เจ็บคอ เจ็บขากรรไกร ปวดท้อง มีเหงื่อออก หายใจไม่อิ่ม ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน เวียนศีรษะรุนแรง และหมดสติ เป็นต้น

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน

โรค

  • โรคเบาหวานประเภทที่ 2