Sucralfate (ซูคราลเฟต)
Sucralfate (ซูคราลเฟต) เป็นยารักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก และอาจช่วยป้องกันภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารจากความเครียดได้ โดยตัวยาจะเคลือบไม่ให้แผลสัมผัสกับกรดหรือเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ แพทย์อาจใช้ยาชนิดนี้รักษาผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน และโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
เกี่ยวกับ Sucralfate
กลุ่มยา | ยาลดกรด |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก และรักษาโรคกรดไหลย้อน |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทานชนิดเม็ด ยาน้ำ |
คำเตือนในการใช้ยา Sucralfate
- ผู้ที่มีประวัติการป่วยหรือการแพ้ยาใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ก่อนใช้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาชนิดอื่น ๆ วิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และอาหารเสริมที่กำลังรับประทาน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไตหรือกำลังฟอกไต และผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยาเม็ด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ผู้ที่กำลังให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตัวยาจะส่งผ่านทางน้ำนมแล้วเป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่
ปริมาณการใช้ยา Sucralfate
รักษากระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง และแผลในกระเพาะอาหาร
ผู้ใหญ่ รับประทานยา 1 กรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน หรือรับประทานยา 2 กรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าเย็น ติดต่อกัน 4-8 สัปดาห์ แล้วอาจเพิ่มถึง 12 สัปดาห์ ตามดุลยพินิจของแพทย์ จากนั้น ใช้ยาต่อเนื่องที่ปริมาณ 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันภาวะกระเพาะอาหารอักเสบ และการเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ ปริมาณยาสูงสุดรับประทานไม่เกินวันละ 8 กรัม
เด็ก ใช้ยาตามดุลยพินิจของแพทย์
ป้องกันเลือดออกในทางเดินอาหารจากภาวะเครียด
ผู้ใหญ่ รับประทานยา 1 กรัม วันละ 6 ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 8 กรัมต่อวัน
เด็ก ใช้ยาตามดุลยพินิจของแพทย์
การใช้ยา Sucralfate
- ผู้ป่วยควรอ่านฉลากยาทุกครั้งก่อนใช้ยา และปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามปรับปริมาณยาด้วยตนเอง หรือรับประทานยานานเกินกว่าระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
- ให้รับประทานยา Sucralfate ในขณะท้องว่าง โดยรับประทานก่อนมื้ออาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือหลังมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง
- รับประทานยาให้ครบและติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของยา ไม่ควรหยุดใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ แม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เนื่องจากแผลอาจยังไม่หายดี
- กรณีที่ลืมรับประทานยาในเวลาที่กำหนด เมื่อนึกได้ให้รับประทานยาทันที แต่หากใกล้เวลารับประทานยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามเวลาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาชนิดอื่น ๆ ก่อนหรือหลังรับประทานยา Sucralfate อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะยานี้อาจส่งผลกระทบต่อการดูดซึมยาบางชนิด ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรดอื่น ๆ หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากยาลดกรดอื่น ๆ อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยา Sucralfate ลดลง กรณีที่แพทย์แนะนำให้ใช้ยาลดกรดอื่นร่วมด้วย ให้รับประทานยาลดกรดก่อนหรือหลังรับประทานยา Sucralfate 30 นาที
- ควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ให้พ้นมือเด็ก ห่างจากความร้อน ความชื้น และแสงแดด ไม่ควรเก็บยาในช่องแช่แข็ง เพราะยาจะเสื่อมสภาพ และไม่รับประทานยาที่หมดอายุ เพราะจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Sucralfate
ผลข้างเคียงที่มักพบจากการใช้ยา Sucralfate คือ อาการท้องผูก ส่วนอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- เวียนศีรษะ ง่วงซึม หรือบ้านหมุน
- รู้สึกคัน และมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง
- ริมฝีปากแห้ง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดศีรษะ
- ปวดหลัง
- ปวดท้อง มีลมในกระเพาะ
- ท้องเสีย
นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ยารุนแรง เช่น หายใจลำบาก มีผื่นลมพิษ บวมบริเวณใบหน้า คอ ลิ้น และปาก ควรหยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันที