Sulfamethoxazole Trimethoprim (ซัลฟาเมทอกซาโซล ไตรเมโทพริม)
Sulfamethoxazole Trimethoprim คือ ยาปฏิชีวนะในกลุ่มยาซัลฟา ยาทั้ง 2 ชนิดนี้มักใช้คู่กัน โดยใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคปอดอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ โรคบิดชิเกลลา หรือโรคปอดอักเสบบางชนิด เป็นต้น นอกจากนี้ อาจใช้เพื่อรักษาโรคอื่น ๆ ด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
เกี่ยวกับยา Sulfamethoxazole Trimethoprim
กลุ่มยา | ยาปฏิชีวนะกลุ่มซัลฟา |
ประเภทยา |
ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิด |
กลุ่มผู้ป่วย |
เด็กและผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาฉีด ยารับประทาน |
คำเตือนในการใช้ยา Sulfamethoxazole Trimethoprim
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีอาการแพ้ยาชนิดนี้ แพ้ยาชนิดอื่นโดยเฉพาะยาในกลุ่มซัลฟา หรือแพ้สารอื่น ๆ
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคตับ โรคไตขั้นรุนแรง หรือโรคโลหิตจาง ไม่ควรใช้ยานี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์และโรคประจำตัวก่อนใช้ยา โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด โรคพอร์ฟีเรีย ไทรอยด์มีปัญหา โรคขาดสารอาหาร โรคเบาหวาน หรือมีภาวะขาดเอนไซม์จีซิกซ์พีดี
- ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยโรคเอดส์อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงได้ง่าย จึงควรระมัดระวังในการใช้ยาเป็นพิเศษ
- หากต้องเข้ารับการผ่าตัดใด ๆ ในระหว่างที่ใช้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยาชนิดนี้อยู่
- หากผู้ป่วยกำลังใช้ยาไดจอกซินหรือยาขับปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาชนิดนี้
- ยานี้อาจมีผลต่อวัคซีนบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการฉีดวัคซีน
- ห้ามใช้ยาชนิดนี้กับเด็กที่มีอายุไม่ถึง 2 เดือน
- ยานี้อาจมีผลกระทบถึงทารกในครรภ์ ดังนั้น สตรีมีครรภ์ห้ามใช้ยาชนิดนี้ หรือหากตั้งครรภ์ระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรไปปรึกษาแพทย์
- หากอยู่ในช่วงให้นมบุตรหรือวางแผนจะมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เพราะยาอาจถูกส่งผ่านทางน้ำนมและเป็นอันตรายต่อทารกได้
ปริมาณการใช้ยา Sulfamethoxazole Trimethoprim
ปริมาณในการใช้ยาชนิดนี้จะแตกต่างกันไปตามความรุนแรง อายุ และดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
รักษาหูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบเรื้อรังและทางเดินปัสสาวะอักเสบ
แบบรับประทาน ในยา 1 เม็ด จะประกอบด้วย Sulfamethoxazole 400 มิลลิกรัม หรือ 800 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 80 มิลลิกรัม หรือ 160 มิลลิกรัม หากเป็นยาน้ำแขวนตะกอน 5 มิลลิลิตร จะประกอบด้วย Sulfamethoxazole 200 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 40 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่
รับประทานครั้งละ 960 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หากติดเชื้อรุนแรง ให้รับประทานวันละ 2.88 กรัม โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง
เด็ก
อายุ 6 สัปดาห์ถึง 5 เดือน รับประทานครั้งละ 120 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
อายุ 6 เดือนถึง 5 ปี รับประทานครั้งละ 240 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
อายุ 6-11 ปี รับประทานครั้งละ 480 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
แบบฉีดเข้าทางหลอดเลือด ยาฉีด 5 มิลลิลิตร ประกอบด้วย Sulfamethoxazole 400 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 80 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่
ใช้ครั้งละ 960 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หากติดเชื้อรุนแรง ให้ใช้วันละ 2.88 กรัม โดยแบ่งใช้วันละ 2 ครั้ง
เด็ก
ใช้ครั้งละ 18 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยใช้ทุก ๆ 12 ชั่วโมง หากติดเชื้อรุนแรง ให้ใช้ครั้งละ 27 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 12 ชั่วโมง แต่ไม่เกินครั้งละ 1.44 กรัม ในทุก ๆ 12 ชั่วโมง
รักษาปอดอักเสบจากการติดเชื้อนิวโมซิสติส จิโรเวซิไอ
แบบรับประทาน ในยา 1 เม็ด จะประกอบด้วย Sulfamethoxazole 400 มิลลิกรัม หรือ 800 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 80 มิลลิกรัม หรือ 160 มิลลิกรัม หากเป็นยาน้ำแขวนตะกอน 5 มิลลิลิตร จะประกอบด้วย Sulfamethoxazole 200 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 40 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่
ใช้ครั้งละ 120 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แบ่งใช้วันละ 2-4 ครั้ง โดยใช้อย่างต่อเนื่อง 14-21 วัน
เด็ก
อายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ใช้ครั้งละ 120 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แบ่งใช้วันละ 2-4 ครั้ง โดยใช้อย่างต่อเนื่อง 14-21 วัน
แบบฉีดเข้าทางหลอดเลือด ยาฉีด 5 มิลลิลิตร จะประกอบด้วย Sulfamethoxazole 400 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 80 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่
ใช้ครั้งละ 120 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยให้ยาเข้าสู่หลอดเลือดครั้งละ 60-90 นาที แบ่งใช้วันละ 2-4 ครั้ง ใช้อย่างต่อเนื่อง 14-21 วัน
เด็ก
อายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ใช้ครั้งละ 120 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยให้ยาเข้าสู่หลอดเลือดครั้งละ 60-90 นาที แบ่งใช้วันละ 2-4 ครั้ง ใช้อย่างต่อเนื่อง 14-21 วัน
ป้องกันโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อนิวโมซิสติส จิโรเวซิไอ
แบบรับประทาน ในยา 1 เม็ด จะประกอบด้วย Sulfamethoxazole 400 มิลลิกรัม หรือ 800 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 80 มิลลิกรัม หรือ 160 มิลลิกรัม หากเป็นยาน้ำแขวนตะกอน 5 มิลลิลิตร ประกอบด้วย Sulfamethoxazole 200 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 40 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่
ใช้ยา 960 มิลลิกรัม วันละครั้ง จนครบ 7 วัน หรือ ใช้ยา 960 มิลลิกรัม/ครั้ง วันเว้นวัน จนครบ 3 วันในแต่ละสัปดาห์ หรือใช้ยา 960 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง วันเว้นวัน จนครบ 3 วันในแต่ละสัปดาห์
เด็ก
อายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ใช้ยาครั้งละ 15-30 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน หรือวันเว้นวันจนครบ 3 วันในแต่ละสัปดาห์
แบบฉีดเข้าทางหลอดเลือด ยาฉีด 5 มิลลิลิตร จะประกอบด้วย Sulfamethoxazole 400 มิลลิกรัม และ Trimethoprim 80 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่
ใช้ยา 960 มิลลิกรัม โดยให้ยาเข้าสู่หลอดเลือดครั้งละ 60-90 นาที วันละครั้ง จนครบ 7 วัน หรือใช้ยาวันละ 960 มิลลิกรัม/ครั้ง วันเว้นวัน จนครบ 3 ครั้ง หรือใช้ยา 960 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง วันเว้นวัน จนครบ 3 วันในแต่ละสัปดาห์
เด็ก
อายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ใช้ยาครั้งละ 15-30 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยให้ยาเข้าสู่หลอดเลือดครั้งละ 60-90 นาที วันละ 2 ครั้ง ใช้ต่อเนื่องหรือวันเว้นวันจนครบ 3 วันในแต่ละสัปดาห์
การใช้ยา Sulfamethoxazole Trimethoprim
- ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือตามฉลากยาอย่างเคร่งครัด ไม่เพิ่มหรือลดปริมาณยาด้วยตนเอง
- แจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยาชนิดนี้อยู่ เพราะยาอาจมีผลต่อการทดสอบทางการแพทย์บางชนิด
- ใช้ยาให้ครบตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำแม้อาการจะดีขึ้นก่อนครบกำหนดก็ตาม เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือทำให้เกิดเชื้อดื้อยาได้
- หากใช้ยาน้ำ ควรเขย่าขวดก่อนใช้ยา และวัดปริมาณยาด้วยช้อนหรือถ้วยตวงสำหรับยาโดยเฉพาะ
- ดื่มน้ำให้มากขึ้นระหว่างที่ใช้ยา เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดนิ่วในไต
- หากลืมใช้ยา ให้ใช้ทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไปโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เพราะยาชนิดนี้อาจมีผลกับระดับน้ำตาลในเลือด
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือสวมอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เพราะยามีผลทำให้ผิวหนังไหม้ได้ง่าย
- หากเกิดอาการท้องเสียโดยมีน้ำหรือเลือดปน ควรหยุดใช้ยาและไปปรึกษาแพทย์
- เก็บยาที่อุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส ให้พ้นจากแสงแดด ความร้อน และความชื้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Sulfamethoxazole Trimethoprim
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาชนิดนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งบางคนอาจไม่เกิดอาการใด ๆ หรืออาจเกิดอาการเพียงเล็กน้อย โดยอาการที่พบได้บ่อย คือ มีผื่น คันแบบไม่รุนแรง ความกระหายลดลง ท้องเสีย คลื่นไส้ และอาเจียน
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นผลข้างเคียงที่รุนแรงและเป็นอันตรายได้
- สัญญาณของการแพ้ยา เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม ปากบวม เป็นต้น
- รู้สึกง่วง
- มีเหงื่อออกมาก
- ไม่สบาย
- ไม่มีสมาธิ
- ท้องเสียและมีของเหลวหรือเลือดปน
- ปัสสาวะมีสีเข้มหรือมีเลือดปน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีอาการภูมิแพ้
- ผิวหนังบวมช้ำง่าย
- ปวดข้อ
- หายใจสั้นและถี่
- ปวดหัวตลอดเวลา
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ชัก
นอกจากนี้ หากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ในระหว่างที่ใช้ยา ควรไปปรึกษาแพทย์ด้วยเช่นกัน เพราะอาจเกิดอันตรายต่ออวัยวะภายในร่างกายได้ เช่น ตับ ไต หรือปอด เป็นต้น