Sulfasalazine (ซัลฟาซาลาซีน)
Sulfasalazine (ซัลฟาซาลาซีน) เป็นยาในกลุ่มยาซัลฟาที่มีกลไกการออกฤทธิ์โดยช่วยลดการอักเสบหรือบวมที่เกิดขึ้นในร่างกาย นำมาใช้รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง และอาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
ยา Sulfasalazine มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Sulfasalazine
กลุ่มยา | ยาซัลฟา |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังและโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ เด็ก |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ยาเหน็บ |
คำเตือนในการใช้ยา Sulfasalazine
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ ยาในกลุ่มซัลฟา รวมถึงยาชนิดอื่น อาหาร หรือสารใด ๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมียาหลายชนิดที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้และก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือยามีประสิทธิภาพลดลง
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากป่วยเป็นโรคลำไส้อุดตัน โรคพอร์ฟิเรีย โรคหืด หรือมีปัญหาในการปัสสาวะ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหืดซึ่งจะมีความไวต่อยานี้มาก
- ผู้ที่มีภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี (G6PD Deficiency) ให้ใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจเสี่ยงทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง
- แจ้งให้แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ ก่อนเข้ารับการรักษาใด ๆ
- ระหว่างที่ใช้ยานี้้ ผู้ป่วยต้องเข้ารับการตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะตามที่แพทย์สั่ง
- การใช้ยานี้อาจทำให้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการบางชนิดคลาดเคลื่อน ผู้ป่วยต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้
- ยานี้อาจทำให้ปัสสาวะหรือผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีส้มได้ แต่อาการดังกล่าวไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
- การใช้ยานี้อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับอสุจิของเพศชาย ซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการมีบุตร แต่อาจกลับมาสู่ภาวะปกติเมื่อหยุดใช้ยา
- เด็กและผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ให้ใช้ยานี้อย่างระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เพราะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงสูง
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือกำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้ยานี้
ปริมาณการใช้ยา Sulfasalazine
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
ยารับประทาน
- ผู้ใหญ่ เริ่มรับประทานยาครั้งละ 1-2 กรัม วันละ 4 ครั้ง จนกว่าอาการจะทุเลา ปริมาณยาสำหรับควบคุมอาการ คือ 2 กรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน
- เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป เริ่มรับประทานยาปริมาณ 40-60 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน ปริมาณยาสำหรับควบคุมอาการ คือ 20-30 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน
ยาเหน็บ
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาเหน็บครั้งละ 0.5-1 กรัม ในตอนเช้าและก่อนนอน โดยใช้ร่วมกับยาชนิดรับประทานได้ กรณีสวนทวาร ใช้ยาปริมาณ 3 กรัม ในเวลาก่อนนอนและสวนยาค้างไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
-
เด็ก อายุ 5-8 ปี ใช้ยาเหน็บปริมาณ 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
อายุ 8-12 ปี ใช้ยาเหน็บปริมาณ 500 มิลลิกรัม ในตอนเช้า และปริมาณ 1 กรัม ในเวลาก่อนนอน
อายุ 12-18 ปี ใช้ยาเหน็บครั้งละ 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง
กรณีสวนทวาร ให้สวนยาค้างไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ในเวลาก่อนนอน
อายุ 2-7 ปี ใช้ยาสวนทวารปริมาณ 1-1.5 กรัม
อายุ 7-12 ปี ใช้ยาสวนทวารปริมาณ 1.5-2.25 กรัม
อายุ 12-18 ปี ใช้ยาสวนทวารปริมาณ 3 กรัม
ผู้ใหญ่ รับประทานยาเม็ดชนิดแตกตัวในลำไส้ปริมาณเริ่มต้น 500 มิลลิกรัม/วัน ในสัปดาห์แรก และเพิ่มปริมาณอีก 500 มิลลิกรัม ในสัปดาห์ต่อไป รับประทานยาปริมาณสูงสุดไม่เกิน 3 กรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน 2-4 ครั้ง
เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป รับประทานยาเม็ดชนิดแตกตัวในลำไส้ปริมาณ 30-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน 2 ครั้ง เริิ่มต้นใช้ยาปริมาณ 1/4 ถึง 2/3 ของปริมานยาสำหรับควบคุมอาการ และเพิ่มปริมาณยาทุกสัปดาห์จนถึงปริมาณยาสำหรับควบคุมอาการใน 1 เดือน ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 2 กรัม/วัน
การใช้ยา Sulfasalazine
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- ควรรับประทานยาหลังอาหารและระวังไม่ให้ลืมรับประทานยา เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของยา
- ใช้ยาให้ครบกำหนดตามที่แพทย์สั่ง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
- ระหว่างที่ใช้ยานี้ควรดื่มน้ำเปล่าให้มาก นอกจากแพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำน้อย
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
- หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- หากลืมใช้ยาตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป ไม่เพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ในที่แห้ง ห่างจากความชื้น พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีเก็บยาและวิธีกำจัดยาที่ไม่ได้ใช้แล้วอย่างเหมาะสม
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Sulfasalazine
การใช้ยา Sulfasalazine อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ปวดท้อง แสบร้อนกลางอก ท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้ อาเจียน และเบื่ออาหาร เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Sulfasalazine ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
- อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม คอบวม แน่นหน้าอกหรือลำคอ หายใจเสียงดัง มีปัญหาในการหายใจหรือการพูด เสียงแหบ เป็นต้น
- ไตทำงานผิดปกติ ทำให้มีอาการ เช่น ปัสสาวะไม่ออก ปริมาณปัสสาวะเปลี่ยนแปลง ปัสสาวะมีเลือดปน หรือมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก
- ตับทำงานผิดปกติ อาจทำให้รู้สึกไม่อยากอาหาร อาเจียน อ่อนเพลีย ตัวเหลืองตาเหลือง ท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง ปัสสาวะสีเข้ม หรืออุจจาระสีซีด
- อาการของการติดเชื้อ เช่น มีไข้ หนาวสั่น เจ็บคอมาก เจ็บหู เจ็บไซนัส ไอ มีเสมหะมากขึ้น เสมหะเปลี่ยนสี เจ็บเมื่อปัสสาวะ เป็นแผลในปาก แผลหายช้า เป็นต้น
- อาการแพ้ทางผิวหนังอย่างรุนแรง เช่น บวม แดง มีแผลพุพอง ผิวซีดพร้อมกับมีไข้หรือไม่มีไข้ ตาแดงหรือระคายเคืองตา มีแผลในปาก คอ จมูก หรือตา
- ปวดท้องมาก อุจจาระปนเลือด
- เหนื่อยหรืออ่อนเพลียมาก
- เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ต่อมน้ำเหลืองบวม
- เจ็บกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีปัญหาในการทรงตัว
- แสบ เป็นเหน็บ มีอาการชาตามร่างกายผิดปกติ
- ชัก
- หายใจไม่อิ่ม
- เวียนศีรษะอย่างรุนแรง
- เกิดรอยช้ำหรือมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน