Tadalafil (ทาดาลาฟิล)
Tadalafil (ทาดาลาฟิล) เป็นยารักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ออกฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อของหลอดเลือด และช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังอวัยวะเพศชายซึ่งจะช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว นำมาใช้รักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือนกเขาไม่ขัน และอาจใช้รักษาอาการของโรคต่อมลูกหมากโต นอกจากนี้ อาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ด้วย
ยา Tadalafil มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Tadalafil
กลุ่มยา | ยารักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศและความผิดปกติของท่อฉีดอสุจิ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และโรคต่อมลูกหมากโต |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
คำเตือนในการใช้ยา Tadalafil
- หลีกเลี่ยงการใช้ยา Tadalafil หากมีประวัติแพ้ยานี้
- ไม่ควรรับประทานยานี้หากกำลังใช้ยารักษาโรคความดันหลอดเลือดปอดสูง ยากลุ่มไนเตรท หรือเสพสารเสพติด เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตลดลงอย่างรุนแรงและกะทันหัน นอกจากนี้ ยา Tadalafil ยังสามารถตกค้างอยู่ในกระแสเลือดได้นานกว่า 2 วันขึ้นไป จึงต้องหลีกเลี่ยงยาบางชนิดโดยเฉพาะยากลุ่มไนเตรท เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงดังกล่าว
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากเป็นโรคหัวใจหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ หัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เจ็บหน้าอก ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ ความดันหลอดเลือดปอดสูง หลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดจากปอดไปสู่หัวใจตีบ โรคตับ โรคไต สูญเสียการมองเห็น ภาวะเลือดออกผิดปกติ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวอย่างชนิดมัยอีโลมา อวัยวะเพศชายมีรูปร่างโค้งงอผิดปกติ อวัยวะเพศชายแข็งตัวนานผิดปกติหรือนานกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไป มีแผลในกระเพาะอาหาร และมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจทำให้การมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย
- ยากลุ่มนี้อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างฉับพลันได้ แต่ก็พบในผู้ป่วยเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น และโดยส่วนใหญ่จะมีโรคหรือความผิดปกติที่เพิ่มความเสี่ยงมาก่อนแล้ว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง สูบบุหรี่ หรือมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เป็นต้น จึงยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ายานี้เป็นสาเหตุของปัญหาดังกล่าว
- ไม่อนุญาตให้ใช้ยา Tadalafil กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ วางแผนมีบุตร หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือการบริโภคผลิตภัณฑ์จากเกรปฟรุตในระหว่างที่ใช้ยานี้ เพราะอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาได้
ปริมาณการใช้ยา Tadalafil
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
รักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือนกเขาไม่ขัน
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 10 มิลลิกรัม โดยรับประทานก่อนการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 30 นาที วันละ 1 ครั้ง ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 20 มิลลิกรัม หากใช้ร่วมกับยายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4 เช่น ยาต้านเชื้อรากลุ่มเอโซล หรือยาต้านไวรัสพีไอ เป็นต้น ให้ใช้ยาปริมาณสูงสุดไม่เกิน 10 มิลลิกรัม ทุก 72 ชั่วโมง
การใช้ยา Tadalafil
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- สามารถรับประทานยา Tadalafil พร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้
- ไม่ควรหักหรือแบ่งยา แต่ให้รับประทานโดยกลืนยาทั้งเม็ด
- ยาจะช่วยให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวเมื่อถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้เกิดการแข็งตัวทันทีหลังรับประทานยา
- ใช้ยา Tadalafil เมื่อจำเป็นเท่านั้น แต่กรณีที่ใช้ทุกวันและผู้ใช้ลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้กับเวลาที่ต้องใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบถัดไป และห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง โดยให้ห่างจากความร้อนและความชื้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Tadalafil
การใช้ยา Tadalafil อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รู้สึกร้อนวูบวาบ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน คัดจมูก ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดขาหรือแขน เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์
หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Tadalafil ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
- รู้สึกวิงเวียน คล้ายจะหมดสติ
- เจ็บอวัยวะเพศเมื่อแข็งตัว หรืออวัยวะเพศแข็งตัวนาน 4 ชั่วโมง ขึ้นไป
- การมองเห็นเปลี่ยนไป หรือสูญเสียการมองเห็นอย่างฉับพลัน
- มีเสียงดังในหู หรือสูญเสียการได้ยินอย่างฉับพลับ
- มีสัญญาณของโรคหัวใจขาดเลือด เช่น เจ็บหรือแน่นหน้าอก โดยอาจเจ็บลามไปยังขากรรไกรหรือหัวไหล่ มีเหงื่อออก และคลื่นไส้ เป็นต้น
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน