ซีโวฟลูเรน

ซีโวฟลูเรน

Sevoflurane (ซีโวฟลูเรน) เป็นยาดมสลบที่แพทย์ใช้ก่อนหรือขณะผ่าตัดด้วยการให้คนไข้สูดดมยาดังกล่าวเพื่อให้หมดสติ ซึ่งแพทย์อาจใช้ยาชนิดนี้อย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับยาสลบชนิดอื่นเพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นแต่มีผลกับผู้ป่วยบางคนเท่านั้น โดยปกติแล้วการใช้ยา Sevoflurane จะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

Sevoflurane

เกี่ยวกับยา Sevoflurane 

กลุ่มยา ยาระงับความรู้สึก
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ ทำให้ผู้ป่วยหมดสติเพื่อให้แพทย์สามารถทำการผ่าตัดได้
กลุ่มผู้ป่วย เด็ก ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาใช้เฉพาะที่
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ แต่ยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป

คำเตือนในการใช้ยา Sevoflurane

  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากแพ้ยานี้ ยาชนิดอื่น หรือสารใด ๆ ก็ตาม เพราะยาอาจมีส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากใช้ยาชนิดอื่น สมุนไพร หรืออาหารเสริมอยู่ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากใช้ร่วมกัน
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีภาวะที่มีไข้สูงอย่างรวดเร็วและมีการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงแบบ Malignant Hyperthermia มีปานแดงเส้นเลือดฝอย เป็นโรคตับ โรคไต ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ รวมทั้งตนเองหรือคนในครอบครัวเคยมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เพราะยาอาจทำให้โรคและภาวะต่าง ๆ ที่กล่าวมามีอาการแย่ลงได้
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ Sevoflurane กับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุไม่ถึง 3 ปี และควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหากับสมองในระยะยาวได้
  • หากใช้ยานี้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากขึ้นได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาชนิดนี้หากกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะมีบุตร เพราะการใช้ยาในขณะตั้งครรภ์ได้ 27-40 สัปดาห์ อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
  • หากกำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ เพราะยังไม่ได้รับการยืนยันที่ชัดเจนว่ายาสามารถถูกส่งผ่านไปสู่ทารกได้หรือไม่

ปริมาณการใช้ยา Sevoflurane

ใช้เป็นยาดมสลบ

ยา Sevoflurane ถูกนำมาใช้เป็นยาสลบเพื่อทำให้ผู้ป่วยหมดสติได้ โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

ผู้ใหญ่

  • หากเป็นผู้ป่วยที่ได้รับยาก่อนเข้าสู่กระบวนการระงับความรู้สึก การให้ยาจะทำผ่านเครื่องระเหยยาดมสลบ โดยให้เริ่มใช้ยา Sevoflurane ที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ร่วมกับการให้ออกซิเจน หรือใช้ร่วมกับออกซิเจนที่ผสมไนตรัสออกไซด์ ซึ่งปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับอาการที่เกิดขึ้นและอายุของผู้ป่วยด้วย
  • หากเป็นผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาใด ๆ ก่อนเข้าสู่กระบวนการระงับความรู้สึก การให้ยาจะทำผ่านเครื่องระเหยยาดมสลบ โดยให้ยา Sevoflurane ที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 8 เปอร์เซ็นต์ ปรับให้ระดับความเข้มข้นอยู่ในช่วง 0.5-3 เปอร์เซ็นต์ และใช้ร่วมกับไนตรัสออกไซด์หรือไม่ก็ได้

เด็ก

ให้ใช้ยาที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 7 เปอร์เซ็นต์ด้วยเครื่องระเหยยาดมสลบ ร่วมกับให้ออกซิเจนหรือใช้ร่วมกับออกซิเจนที่ผสมในตรัสออกไซด์

การใช้ยา Sevoflurane

  • แพทย์อาจให้ยาชนิดอื่นกับผู้ป่วยก่อนใช้ยาชนิดนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
  • ยาชนิดนี้มีลักษณะเป็นของเหลว โดยแพทย์จะให้ผู้ป่วยสูดดมยาจากเครื่องระเหยยาดมสลบ
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือใช้สารใดก็ตามที่ทำให้การกระทำต่าง ๆ ช้าลง
  • ไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างขับรถ หรือใช้เครื่องจักรทันทีหลังฟื้นจากฤทธิ์ยา ให้รอจนมีสติเต็มที่ก่อนจึงค่อยทำกิจกรรมดังกล่าว
  • หากคิดว่าได้รับยาเกินปริมาณ ให้รีบแจ้งแพทย์หรือพยาบาลทันที

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Sevoflurane

ผลข้างเคียงที่เกิดจากยา Sevoflurane มีหลายรูปแบบและแตกต่างกัน โดยบางคนอาจไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ เลยก็ได้ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจพบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อย เช่น ตัวสั่น ไอ มีน้ำลายเพิ่มขึ้น รู้สึกง่วงนอน คลื่นไส้หรืออาเจียน เป็นต้น ซึ่งหากอาการดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วไม่หายไป ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่อาจเป็นสัญญาณอาการที่ร้ายแรง ดังต่อไปนี้

  • มีสัญญาณของอาการแพ้ เช่น หน้าบวม ปากบวม คอบวม ลิ้นบวม ผิวหนังเป็นผื่นและมีอาการคัน แดง บวม หรือเป็นแผลพุพอง ผิวลอกและอาจเป็นไข้ร่วมด้วย หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอก หายใจลำบาก พูดลำบาก หรือกลืนลำบาก เป็นต้น
  • มีสัญญาณของความผิดปกติที่ไต เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนไป ปัสสาวะมีเลือดปน หรือปัสสาวะไม่ออก เป็นต้น
  • มีสัญญาณของความผิดปกติที่ตับ เช่น รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกหิว ปวดท้อง ผิวหนังหรือดวงตาเป็นสีเหลือง หายใจไม่อิ่ม อาเจียน ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจามีสีอ่อน เป็นต้น
  • มีสัญญาณของภาวะโพแทสเซียมสูง เช่น รู้สึกอ่อนแรง มีอาการชา เป็นเหน็บ เวียนหัวคล้ายจะเป็นลม หายใจไม่อิ่ม หัวใจเต้นไม่ปกติ มีปัญหากับการใช้ความคิดและการใช้เหตุผล เป็นต้น
  • เวียนหัวอย่างหนัก หรือหมดสติ
  • มีสีคล้ายรอยช้ำบริเวณปาก เนื้อเยื่อรองเล็บ นิ้วมือ หรือนิ้วเท้า
  • หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดผลกระทบร้ายแรงอย่างภาวะ Torsades De Pointes ได้
  • กล้ามเนื้อเกร็ง
  • มีอาการของภาวะ Malignant Hyperthermia เช่น เป็นไข้ ขากรรไกรแข็งหรือกระตุก หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว เป็นต้น