ดาพากลิโฟลซิน (Dapagliflozin)
Dapagliflozin (ดาพากลิโฟลซิน) เป็นยาที่ใช้ลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โดยการออกฤทธิ์ให้ไตขับกลูโคสออกมาทางปัสสาวะมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยลดลง
นอกจากนี้ ยา Dapagliflozin อาจใช้รักษาปัญหาสุขภาพอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจวายในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจร่วมด้วย ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงหรือการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวาย รวมถึงลดความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงทางไตและการเสียชีวิตจากโรคทางหัวใจในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ที่พบภาวะแทรกซ้อนทางไต
เกี่ยวกับยา Dapagliflozin
กลุ่มยา | กลุ่มยายับยั้งตัวขนส่งโซเดียม-กลูโคส 2 (SGLT-2 inhibitors) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | ลดระดับน้ำตาลในเลือด |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | ในปัจจุบัน ยังไม่มีการจัดหมวดหมู่ของยาชนิดนี้จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ซึ่งยาอาจส่งผลกระทบต่อมารดาหรือทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Dapagliflozin |
คำเตือนในการใช้ยา Dapagliflozin
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งหากมีประวัติการแพ้ยาต่าง ๆ โดยเฉพาะยา Dapagliflozin รวมถึงหากกำลังใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร วิตามิน หรือยาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น กลุ่มยาต้านเอนไซม์เอซีอี (ACE inhibitors) กลุ่มยาต้านตัวรับแองจิโอเทนซิน (Angiotensin Receptor Blockers) ยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ยารักษาโรคเบาหวาน ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ อินซูลิน (Insulin) และยาแอสไพริน (Aspirin)
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Dapagliflozin หากมีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคไตขั้นรุนแรง เคยมีภาวะเลือดเป็นกรด กำลังอยู่ในช่วงฟอกไต หัวใจวาย โรคตับ โรคถุงน้ำในไต กระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ ความดันโลหิตต่ำ ตับอ่อนอักเสบ โรคพิษสุราเรื้อรัง ติดเชื้อยีสต์บริเวณอวัยวะเพศ ท้องเสีย อาเจียน มีปัญหาเกี่ยวกับการขับปัสสาวะ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ดื่มน้ำน้อย สูญเสียเหงื่อมากเป็นประจำ มีประวัติผ่าตัดตับอ่อน เบื่ออาหาร หรือรับประทานอาหารที่มีปริมาณเกลือต่ำเป็นประจำ
- ผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์หรือกำลังตั้งครรภ์ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ไม่ควรใช้ยานี้
- ผู้ชายที่ต้องใช้ยานี้และยังไม่เคยขริบหนังหุ้มปลาย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะใช้ยา Dapagliflozin เนื่องจากเครื่องดื่มประเภทนี้อาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
- ผู้สูงอายุที่ต้องใช้ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากผู้สูงอายุอาจตอบสนองต่อยาไวกว่าคนวัยอื่น ซึ่งจะส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้ง่าย
- ผู้ที่กำลังใช้ยานี้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อน ซึ่งโดยปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยหยุดใช้ยานี้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้ที่ใช้ยานี้ โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มใช้ยานี้ในระยะแรก อาจมีอาการเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม และเป็นลมจากการเปลี่ยนท่าหรือลุกขึ้นนั่งอย่างฉับพลัน ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หากมีอาการดังกล่าว
- ผู้ที่ใช้ยา Dapagliflozin อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และไปพบแพทย์หากมีอาการอาเจียน ท้องเสีย รับประทานอาหารได้น้อยลง หรือดื่มน้ำน้อยลงผิดปกติ
- ยา Dapagliflozin อาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจทางการแพทย์บางชนิด จึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการตรวจทางการแพทย์ต่าง ๆ
ปริมาณการใช้ยา Dapagliflozin
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับโรคและดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
ตัวอย่างการใช้ยา Dapagliflozin เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2
ผู้ใหญ่ ให้รับประทานยาในปริมาณ 10 มิลลิกรัมต่อวัน วันละ 1 ครั้ง โดยแพทย์อาจให้รับประทานยาชนิดนี้เพียงอย่างเดียว หรืออาจให้รับประทานร่วมกับยาชนิดอื่นด้วย เช่น ยาเมทฟอร์มิน (Metformin)
ในกรณีที่แพทย์ให้รับประทานยานี้ร่วมกับยา Metformin ให้รับประทานยา Dapagliflozin ในปริมาณ 10 มิลลิกรัม ร่วมกับยา Metformin ในปริมาณ 500 มิลลิกรัมต่อวัน วันละ 1 ครั้ง แต่สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดน้ำ ให้เริ่มรับประทานยา Dapagliflozin ที่ปริมาณ 5 มิลลิกรัม
การใช้ยา Dapagliflozin
ผู้ที่ใช้ยา Dapagliflozin ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อนแม้อาการจะดีขึ้น เนื่องจากการรับประทานยานี้ให้เห็นผลต้องรับประทานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงควรคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วยตามคำแนะนำของแพทย์
ผู้ป่วยสามารถรับประทานยานี้ได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร แต่ควรรับประทานในช่วงเวลาเดิมของทุกวัน และไม่ควรหัก แบ่ง หรือเคี้ยวยา หากลืมรับประทานยาในเวลาที่กำหนด ให้รีบรับประทานยาทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานในรอบถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า
ระหว่างที่ใช้ยานี้แพทย์อาจนัดผู้ป่วยเพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจสารคีโตนในปัสสาวะ หรือตรวจทางการแพทย์อื่น ๆ เป็นระยะ เพื่อติดตามอาการและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยจึงควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ในการเก็บรักษายา ผู้ป่วยควรเก็บยาในบรรจุภัณฑ์เดิม ปิดบรรจุภัณฑ์ให้สนิท หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น เก็บให้พ้นมือเด็ก และที่สำคัญไม่ควรใช้ยาหากยาหมดอายุ
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Dapagliflozin
การใช้ยา Dapagliflozin อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ โดยผลข้างเคียงที่มักพบได้ เช่น ปัสสาวะมากขึ้น เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล อวัยวะเพศติดเชื้อรา ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หากพบอาการในลักษณะข้างต้นและอาการไม่ดีขึ้นหรืออาการแย่ลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันที หากพบอาการที่อาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะผิดปกติที่มีความรุนแรง เช่น
- อาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น หายใจลำบาก ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอเกิดอาการบวม
- อวัยวะเพศติดเชื้อรุนแรง เช่น รู้สึกไม่สบายตัว มีไข้ เกิดอาการแสบร้อน คัน เจ็บ บวมแดง มีกลิ่นผิดปกติ หรือมีของเหลวไหลออกมาบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก
- ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เช่น รู้สึกเจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่นหรือปนเลือด มีไข้ หรือปวดบริเวณกระดูกเชิงกรานและหลัง
- เกิดภาวะขาดน้ำ เช่น เวียนศีรษะ มึนงง สับสน กระหายน้ำผิดปกติ หรือปัสสาวะน้อยผิดปกติ
- น้ำตาลในเลือดต่ำผิดปกติ เช่น มีเหงื่อออกมาก ตัวสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อยากอาหารผิดปกติ มองเห็นภาพเบลอ เวียนศีรษะ หรือรู้สึกชาบริเวณมือและเท้า
- น้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ เช่น กระหายน้ำผิดปกติ ปัสสาวะมากผิดปกติ มึนงง สับสน ง่วงซึม หน้าแดงผิดปกติ หายใจหอบถี่ ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้
- มีปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น ปัสสาวะน้อยผิดปกติหรือไม่ปัสสาวะเลย บริเวณเท้าหรือข้อเท้าบวม หายใจไม่อิ่ม อ่อนเพลียผิดปกติ
- เลือดเป็นกรด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง สับสน มึนงง ง่วงซึมผิดปกติ หายใจลำบาก