ความหมาย มะเร็งไต
มะเร็งไต (Kidney Cancer) เป็นมะเร็งที่เกิดจากเซลล์ไตเจริญและแบ่งตัวผิดปกติอย่างควบคุมไม่ได้ เกิดเป็นเนื้องอกชนิดร้ายที่สามารถลุกลามออกมานอกไต โดยมะเร็งไตในระยะแรกมักไม่มีสัญญาณของความผิดปกติใด ๆ อีกทั้งยังอาจตรวจไม่พบหากยังไม่แสดงอาการ แต่ในระยะหลังจะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน ไม่อยากอาหาร ปวดหลังหรือข้างลำตัวและอาการปวดนั้นไม่หายไป หรือน้ำหนักลดลง เป็นต้น ซึ่งมะเร็งชนิดนี้มักเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุประมาณ 60-70 ปี
อาการของมะเร็งไต
มะเร็งไตในระยะแรก ๆ มักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อเนื้อร้ายมีขนาดใหญ่ขึ้น อาจทำให้ผู้ป่วยแสดงความผิดปกติบางอย่างออกมา เช่น
- ปัสสาวะมีเลือดปน ซึ่งอาจทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มกว่าปกติ และอาจกลายเป็นสีแดง สีชมพู หรือสีคล้ายน้ำโคล่า
- เหนื่อยล้าอย่างมาก
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดหลังหรือด้านข้างลำตัว โดยอาการปวดไม่หายไป
- มีไข้ติดต่อกันหลายสัปดาห์ ซึ่งไม่ได้เกิดจากเชื้อหวัดหรือเชื้อใด ๆ
- ขาหรือข้อเท้าบวม
- มีก้อนเนื้อในช่องท้อง
ทั้งนี้ หากมะเร็งไตแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการอื่นเพิ่มเติมได้ เช่น ปวดกระดูก หายใจไม่อิ่ม หรือไอเป็นเลือด เป็นต้น
สาเหตุของมะเร็งไต
สาเหตุที่ทำให้เซลล์ไตกลายเป็นเซลล์มะเร็งนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบปัจจัยเสี่ยงบางประการที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไตได้ ดังนี้
- เพศ โดยเพศชายอาจมีความเสี่ยงต่อมะเร็งไตมากกว่าเพศหญิง
- เป็นผู้ที่สูบบุรี่ โดยการสูบบุหรี่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งไตได้ถึง 2 เท่า
- อ้วนหรือมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 30 หน่วย เพราะน้ำหนักตัวที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งไตได้
- เป็นโรคความดันโลหิตสูง
- เป็นโรคทางพันธุกรรมบางชนิด อย่างโรคทูเบอรัส สเคลอโรซิส (Tuberous Slerosis Complex) โรควีเอชแอล (Von Hippel-Lindau Disease) โรคบีเอชดี (Birt-Hogg-Dube Syndrome)
- มีคนญาติสายตรงเคยเป็นมะเร็งไตมาก่อน
- เข้ารับการฟอกเลือดต่อเนื่องกันเป็นเวลานานเพื่อรักษาโรคไต อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งไตได้
- การสัมผัสสารเคมีบางอย่าง เช่น แคดเมียม เบนซีน หรือยากำจัดวัชพืชบางชนิด เป็นต้น
การวินิจฉัยมะเร็งไต
ซึ่งการวินิจฉัยมะเร็งไตนั้นทำได้หลายวิธี โดยเบื้องต้นแพทย์อาจสอบถามอาการและประวัติการรักษาของผู้ป่วย ร่วมกับการตรวจร่างกาย ตรวจก้อนเนื้อบริเวณท้อง วัดไข้ หรือตรวจความดันโลหิต นอกจากนี้ แพทย์อาจตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น
ตรวจเลือด โดยการนำตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยไปตรวจ เพื่อดูการทำงานของไตและหาสาเหตุของอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูว่าปัสสาวะมีเลือดปนออกมาด้วยหรือไม่ รวมทั้งตรวจหาความผิดปกติต่าง ๆ ที่อาจปรากฏออกมา
ตรวจโดยการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือการอัลตราซาวด์ ซึ่งการตรวจโดยใช้วิธีนี้ อาจช่วยให้แพทย์หาความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในไตได้
ตรวจโดยการฉีดสีร่วมกับเอกซเรย์ เป็นการตรวจไตและทางเดินปัสสาวะด้วยการเอกซ์เรย์ร่วมกับการฉีดสี (Intravenous Pyelogram: IVP) โดยแพทย์จะฉีดสีซึ่งเป็นสารทึบแสงเข้าเส้นเลือด เพื่้อให้เอกซเรย์เห็นการทำงานของไตและบริเวณเนื้องอกชัดขึ้น
ตรวจชิ้นเนื้อไต เป็นวิธีที่ใช้ตรวจน้อย โดยแพทย์จะตัดชิ้นเนื้อไตบริเวณที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ
หลังจากวินิจฉัยเพื่อหามะเร็งไตแล้ว ขั้นตอนต่อไปแพทย์ประเมินว่าผู้ป่วยอยู่ในระยะใด โดยมะเร็งไตอาจแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่
ระยะที่ 1 เนื้อร้ายจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 7 เซนติเมตร และอยู่ภายในไต
ระยะที่ 2 เนื้อร้ายจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังคงอยู่ภายในไต
ระยะที่ 3 เนื้อร้ายขยายตัวออกมานอกไต และแพร่กระจายสู่เนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ หรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง
ระยะที่ 4 เนื้อร้ายแพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ตับ กระดูก หรือปอด เป็นต้น
การรักษามะเร็งไต
การรักษามะเร็งไตทำได้หลายวิธี ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้วิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยและปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ประเภทของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง หรือการแพร่กระจายของเนื้อร้าย เป็นต้น โดยวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้รักษามะเร็งไต ได้แก่
การผ่าตัด เป็นวิธีหลักที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งไต โดยการผ่าตัดมีเป้าหมายเพื่อนำเอาเนื้อร้ายออกจากไตและคงเหลือเนื้อไตที่ดีไว้ เพื่อให้ร่างกายทำงานเป็นปกติมากที่สุด ซึ่งทำได้หลายรูปแบบ เช่น ผ่าตัดเอาเฉพาะเนื้อร้ายออก หรือนำไตข้างนั้นทั้งหมดออก เป็นต้น ส่วนแพทย์จะเลือกใช้การผ่าตัดรูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สุขภาพของผู้ป่วย หรือระยะของมะเร็งที่ตรวจพบ เป็นต้น
การจี้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ด้วยการใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษ สอดผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกายไปยังจุดที่เป็นเนื้อร้าย โดยใช้การอัลตราซาวด์หรือการดูภาพด้วยวิธีอื่นช่วยนำทาง จากนั้นจึงปล่อยกระแสไฟฟ้าไปสู่เซลล์มะเร็งเพื่อทำให้เซลล์เกิดความร้อนหรือทำให้เซลล์ไหม้เป็นการทำลายเนื้อร้าย
การรักษาด้วยความเย็น เป็นการรักษาโดยใช้เข็มชนิดพิเศษแทงผ่านผิวหนังไปสู่บริเวณที่เป็นมะเร็ง ร่วมกับการอัลตราซาวด์หรือการถ่ายภาพด้วยวิธีอื่นเพื่อช่วยนำทาง จากนั้นจึงฉีดแก๊สที่มีความเย็นจัดเพื่อทำให้เซลล์มะเร็งแช่แข็งและตายในเวลาต่อมา
การรักษาโดยวิธีอุดเส้นเลือด คือ การนำวัสดุทางการแพทย์ใส่เข้าไปในหลอดเลือดที่ไต เพื่อปิดกั้นเลือดที่ไหลไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง โดยวิธีการนี้ อาจใช้เพื่อช่วยให้เนื้องอกหดตัวก่อนทำการผ่าตัดได้
การรักษาแบบเจาะจงเซลล์มะเร็ง เป็นการรักษาโดยใช้ยาเพื่อฆ่าเฉพาะเซลล์มะเร็งและหลีกเลี่ยงการเกิดผลกระทบต่อเซลล์ปกติให้มากที่สุด ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น ใช้ยายับยั้งการสร้างหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเนื้อร้าย เพื่อทำให้มะเร็งหดตัวหรือหยุดโต หรือกินยายับยั้งไทโรซีนไคเนสเพื่อปิดกั้นเอนไซม์ที่ทำให้เซลล์มะเร็งโตขึ้น เป็นต้น
การฉายรังสี โดยใช้รังสีเพื่อทำให้เซลล์มะเร็งตายหรือหยุดการเจริญเติบโต บางครั้งแพทย์อาจใช้วิธีนี้เพื่อลดขนาดหรือควบคุมอาการของมะเร็งไตที่แพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
การใช้เคมีบำบัด หรือที่เรียกว่าคีโม เป็นการใช้ยาไปทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง แต่วิธีนี้อาจได้ผลน้อยเมื่อใช้รักษามะเร็งไต และส่วนใหญ่จะใช้รักษามะเร็งไตบางชนิดเท่านั้น
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นการใช้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับเซลล์มะเร็งโดยใช้ยาบางชนิดอย่างอินเตอเฟอรอน เพื่อช่วยเพิ่มหรือฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน
ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งไต
โรคมะเร็งไตอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนบางอย่างได้ เช่น ความดันโลหิตสูง แคลเซียมในเลือดสูง ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงมากขึ้น เกิดความผิดปกติขึ้นที่ตับและม้าม หรือมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เป็นต้น
นอกจากนี้ วิธีการรักษามะเร็งไตบางประเภท อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายได้ เช่น การผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือติดเชื้อ การฉายรังสีอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียและคลื่นไส้ หรือยาบางชนิดที่ใช้ในการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดอาจทำให้ผู้ป่วยท้องเสีย ความดันโลหิตสูงขึ้น หรือเกิดภาวะมีบุตรยากได้ เป็นต้น
การป้องกันมะเร็งไต
เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งไต จึงไม่สามารถป้องกันได้ ทำได้เพียงลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นสาเหตุของโรคโดยใช้วิธีต่าง ๆ เช่น รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่สูบบุหรี่หรือเลิกสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจทำให้เกิดมะเร็งไตอย่างแคดเมียม และไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เป็นต้น