ยากลุ่ม DMARDs (Disease Modifying Antirheumatic Drugs)

ยากลุ่ม DMARDs (Disease Modifying Antirheumatic Drugs)

ยากลุ่ม DMARDs (Disease Modifying Antirheumatic Drugs) เป็นกลุ่มยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) และโรคการอักเสบต่าง ๆ เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic Arthritis) โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด (Ankylosing Spondylitis) โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) และโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ 

ยากลุ่ม DMARDs จะออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันให้อ่อนแอลง ช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบที่เกิดขึ้น ลดความเสียหายบริเวณข้อต่อและเนื้อเยื่อโดยรอบ และชะลอการดำเนินโรค โดยแพทย์อาจจะใช้เป็นยาตัวเดี่ยวหรือใช้ร่วมกับยาอื่น ๆ

DMARDs

ยากลุ่มนี้มีทั้งรูปแบบยารับประทานและยาฉีด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

Conventional DMARDs 

เป็นยาแบบดั้งเดิมที่มักใช้ในเป็นลำดับแรก ๆ เช่น ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ยาซัลฟาซาลาซีน (Sulfasalazine) ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (Hydroxychloroquine) และยาเลฟลูโนไมด์ (Leflunomide)  

Biologic DMARDs หรือยาชีววัตถุ 

เป็นยารุ่นใหม่ที่ผลิตจากเซลล์มีชีวิต เช่น ยาอินฟลิซิแมบ (Infliximab) และยาอะดาลิมูแมบ (Adalimumab) ยาอะนาคินรา (Anakinra) และยาโทซิลิซูแมบ (Tocilizumab)

คำเตือนและข้อควรระวังในการใช้ยากลุ่ม DMARDs

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • แจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติทางสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา หรือแพ้สารใด ๆ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากผู้ป่วยมีประวัติสุขภาพ เช่น วัณโรค ไวรัสตับอักเสบ บี หรือซี โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ หรือโรคมะเร็ง รวมถึงผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ และผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์
  • ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ มีปริมาณสเต็มเซลล์ในไขกระดูกต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคมะเร็งเลือด โรคไต โรคตับ และโรคหัวใจบางชนิด ไม่ควรใช้ยาในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะประเภท Biologic DMARDs 
  • แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจเลือด ตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจคัดกรองวัณโรค ไวรัสตับอักเสบ และการติดเชื้อเอชไอวีทั้งก่อนหรือในระหว่างการใช้ยาในกลุ่มนี้
  • สตรีมีตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา เนื่องจากยาบางชนิดในกลุ่ม DMARDs อาจเป็นอันตรายหรือส่งผลกระทบต่อร่างกายมารดาและเด็ก ในกรณีที่ผู้ป่วยกำลังใช้ยาในกลุ่มนี้อาจจำเป็นต้องคุมกำเนิดควบคู่ไปด้วย
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะใช้ยาในกลุ่มนี้ เพราะอาจไปเพิ่มความเสี่ยงให้ตับถูกทำลาย
  • ยากลุ่ม DMARDs ชนิดรับประทานควรใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์ หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ หากเป็นยาฉีดควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งก่อนและหลังการฉีดยาอย่างเคร่งครัด

ปฏิกิริยาระหว่างยากลุ่ม DMARDs กับยาอื่น

ยากลุ่ม DMARDs อาจมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาหรือสารอื่น ๆ ในเบื้องต้นควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน อาหาร หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เช่น กรดโฟลิก (Folic Acid) เกรปฟรุต (Grapefruit)

รวมถึงวัคซีนที่เคยได้รับ เพราะอาจทำปฏิกิริยากับยาในกลุ่ม DMARDs ทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง หรือเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงมากขึ้น โดยเฉพาะวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอย่างวัคซีนป้องกันคางทูม หัด และหัดเยอรมัน (MMR) วัคซีนไทฟอยด์ หรือวัคซีนไข้เหลือง 

ผลข้างเคียงจากการใช้ยากลุ่ม DMARDs

ยากลุ่ม DMARDs อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างกันไปตามแต่ละตัวยา เช่น เจ็บบริเวณที่ฉีดยา ท้องไส้ปั่นป่วน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย มีปัญหาเกี่ยวกับตับ เม็ดเลือดขาวหรือเม็ดเลือดแดงต่ำ เพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ คอเลสเตอรอลสูงขึ้น หรือเกิดการกำเริบของวัณโรค ไวรัสตับอักเสบ และงูสวัด ผู้ป่วยควรไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง    

อย่างไรก็ตาม หากพบสัญญาณของการติดเชื้อหรือความผิดปกติอื่น ๆ หลังการใช้ยา เช่น มีไข้ ไอ เกิดผื่น ผิวหนังบวมแดง ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ รวมถึงคาดว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที