ยาอมแก้เจ็บคอ
ยาอมแก้เจ็บคอ มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเจ็บและระคายเคืองภายในช่องปากและลำคอ ปัจจุบันมีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยตัวยาหลายชนิด เช่น ยาแก้ปวดและลดการอักเสบ ยาชาเฉพาะที่ ยาแก้ไอ ยาขับเสมหะ ยาปฏิชีวนะ และสารฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ บางชนิดอาจทำมาจากสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เช่น มะแว้ง ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยให้ชุ่มคอ เป็นต้น
เกี่ยวกับยาอมแก้เจ็บคอ
กลุ่มยา | ยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอ |
ประเภทยา | ยาที่หาซื้อได้เอง ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | บรรเทาอาการเจ็บภายในช่องปากและลำคอ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทานชนิดเม็ด |
คำเตือนของการใช้ยาอมแก้เจ็บคอ
- แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยาชนิดนี้ หากเคยมีอาการแพ้ยา อาหาร หรือสารชนิดใดก็ตาม
- แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงอาการเจ็บป่วยและยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ก่อนใช้ยาอมแก้เจ็บคอ ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อใช้เอง สมุนไพร วิตามิน หรืออาหารเสริมใด ๆ
- ยาชนิดนี้อาจทำให้รู้สึกชาภายในช่องปาก ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารขณะยาออกฤทธิ์ เพราะอาจทำให้เผลอกัดลิ้นหรือมีปัญหาในการกลืนได้
- การใช้ยาอมแก้เจ็บคอที่มีส่วนผสมของยาเดกซ์โทรเมทอร์แฟนในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้รู้สึกง่วงซึม ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ การทำงานที่ต้องใช้เครื่องจักรกล และกิจกรรมที่ต้องใช้ความระมัดระวังขณะใช้ยานี้
- เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่ควรใช้ยาอมแก้เจ็บคอ
- สตรีมีครรภ์ กำลังวางแผนตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาชนิดนี้ก่อนใช้
ปริมาณการใช้ยาอมแก้เจ็บคอ
บรรเทาอาการเจ็บภายในช่องปากและลำคอ
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ให้อมครั้งละ 1 เม็ด ทุก 2-3 ชั่วโมง โดยปล่อยให้ละลายในปากช้า ๆ
การใช้ยาอมแก้เจ็บคอ
- รับประทานยาอมแก้เจ็บคอที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ควรใช้ยาอมแก้เจ็บคอตามฉลากหรือตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามรับประทานเกินปริมาณที่กำหนด
- ควรปล่อยให้ยาละลายในปากอย่างช้า ๆ ไม่ควรเคี้ยวยา และห้ามกลืนยาลงไปทั้งเม็ดเป็นอันขาด
- หากลืมใช้ยา ให้ใช้ยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งถัดไป ให้ข้ามไปครั้งถัดไป โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่า
- ควรไปพบแพทย์ทันที หากใช้ยาติดต่อกันเกินกว่า 2 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน รู้สึกไม่สบายท้อง หรือมีผื่นแดงตามร่างกายร่วมด้วย
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานให้เลือกรับประทานยาอมแก้เจ็บคอชนิดไม่มีน้ำตาล
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาอมแก้เจ็บคอ
โดยปกติยาชนิดนี้มักไม่มีผลข้างเคียงหรือมีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่ยาอมแก้เจ็บคอที่มีส่วนผสมของยาชาอาจส่งผลให้รู้สึกชาภายในช่องปากได้ หากอาการชาไม่หายไปหลังจากหยุดใช้ยา หรือมีอาการบวม รู้สึกเจ็บ ระคายเคืองในช่องปากและลำคอ ผู้ใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ แต่หากมีอาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจติดขัด ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอบวม ควรไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนี้ ยาอมแก้เจ็บคอที่มีส่วนผสมของตัวยาบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงรุนแรงได้ ทำให้ยาอมแก้เจ็บคอหลายยี่ห้อต้องติดคำว่ายาอันตรายไว้ข้างซอง ได้แก่
- ยาเฟอร์บิโพรเฟน จัดเป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หากใช้ปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดแผลและมีเลือดออกในทางเดินอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
- ยาเบนโซเคน ยานี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดภาวะเมธฮีโมโกลบินนีเมีย (Methemoglobinemia) ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้น้อย แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้น้อยลง