ยาเค
ยาเค (Ketamine) เป็นยาในกลุ่มยาระงับความรู้สึกที่มีประสิทธิภาพสูง ออกฤทธิ์เร็ว ช่วยระงับปวดและขยายหลอดลม มักนำมาใช้ระงับความรู้สึกก่อนทำหัตถการ หรือการทดสอบต่าง ๆ ทางการแพทย์ เพื่อป้องกันอาการเจ็บปวดและความอึดอัดไม่สบายตัวที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งนำไปใช้เป็นยาสลบก่อนการผ่าตัดหรือศัลยกรรม
คณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้บรรจุให้ยานี้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 ผู้ที่นำยาไปใช้ในทางที่ผิด เช่น ใช้เป็นยาเสพติด เพื่อหวังฤทธิ์ในการหลอนประสาท และผู้ที่ผลิต นำเข้า ส่งออกยาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีใบอนุญาตนำผ่าน ต้องเสียค่าปรับและระวางโทษจำคุก
เกี่ยวกับยาเค
กลุ่มยา | ยาระงับความรู้สึก |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | ระงับความรู้สึก หรือใช้เป็นยาสลบ |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่และเด็ก |
รูปแบบของยา | ยาฉีด |
คำเตือนในการใช้ยาเค
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้ ไม่ควรใช้ยาเค
- แพ้ยาและส่วนประกอบอื่น ๆ ในยาเค
- ใช้ยารักษาอาการซึมเศร้าในกลุ่มเอ็มเอโอไอ (Monoamine Oxidase Inhibitors: MAOI) เช่น ยาฟีเนลซีน (Phenelzine) และยาลีเนโซลิด (Linezolid) ในช่วง 14 วันก่อนหน้า
- มีความดันโลหิตสูง และมีปัญหาสุขภาพที่อาจเป็นอันตรายหากระดับความดันโลหิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เพราะยาอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการสมอง
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือน เพราะยาอาจส่งผลต่อพัฒนาการสมองของทารกในครรภ์ได้
- กำลังให้นมบุตร เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดถึงอันตรายและผลที่อาจเกิดขึ้นกับทารก หากยาเคถูกส่งผ่านทางน้ำนม
- เพิ่งดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก หรือเคยเป็นโรคติดสุรา
- เป็นโรคหัวใจ
การใช้ยาบางชนิดร่วมกับยา Ketamin อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นได้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่กำลังใช้ เริ่มใช้ หรือเพิ่งหยุดใช้ โดยเฉพาะยาดังต่อไปนี้
- ยาพาราเซตามอล
- ยาแอสไพริน
- ยาโพรพอกซิฟีน (Propoxyphene)
- ยาเซเลกิลีน (Selegiline)
- ยาฟีเนลซีน (Phenelzine)
- ยาไอโซคาร์บอกซาซิด (Isocarboxazid)
- ยาทรานิลซัยโปรมีน (Tranylcypromine)
- ยาโซเดียมออกซีเบต (Sodium Oxybate)
- ยาไดอะซีแพม (Diazepam)
ปริมาณการใช้ยาเค
เพื่อระงับความรู้สึก
- เด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่
- ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำปริมาณ 1-4.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยฉีดช้า ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 60 วินาที (ยาปริมาณ 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมจะออกฤทธิ์ภายใน 30 วินาที และออกฤทธิ์นาน 5-10 นาที เมื่อใช้ระงับความรู้สึกในการผ่าตัด)
- ยาหยดทางหลอดเลือดดำปริมาณ 1-2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในอัตรา 0.5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที
- ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อปริมาณ 6.5-13 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (ยาปริมาณ 9-13 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมจะออกฤทธิ์นาน 5-10 นาที เมื่อใช้ระงับความรู้สึกในการผ่าตัด)
การใช้ยาเค
- ผู้ป่วยอาจรู้สึกแปลกหรือสับสนในตอนแรกหลังยาหมดฤทธิ์ จึงควรงดอาหาร เครื่องดื่ม หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่แพทย์ระบุ
- ภายใน 24 ชั่วโมงหลังใช้ยา หากปรากฏผลข้างเคียงรุนแรง เช่น สับสนมึนงง ประสาทหลอน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ห้ามขับรถเองหลังการทำหัตถการทางการแพทย์หรือผ่าตัดที่มีการใช้ยาเค ควรให้ผู้อื่นไปส่ง
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องจักรและขับรถ อย่างน้อยภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับยา
- แพทย์อาจต้องสังเกตการหายใจ การทำงานของหัวใจ ความดันโลหิต และสัญญาณอื่น ๆ ของผู้ป่วยระหว่างที่ใช้ยาอย่างใกล้ชิด
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเค
หลังจากยาเคหมดฤทธิ์ ผู้ป่วยอาจปรากฏอาการบางอย่าง เช่น ประสาทหลอน สับสน ฝันร้าย หรือแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ โดยไร้เหตุผล รวมไปถึงผลข้างเคียงดังต่อไปนี้
- มีผื่นคันขึ้นชั่วคราวหรือมีอาการปวดบริเวณที่ฉีดยา
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อาการตากระตุก น้ำตาไหล
- เห็นภาพซ้อน
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ทำให้หายใจช้า เบา และหยุดหายใจชั่วคราว
- ความดันต่ำ
- ความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วคราว
- ภาวะหัวใจเต้นเร็ว ภาวะหัวใจเต้นช้า และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- กล้ามเนื้อเกิดภาวะตึงตัวเพิ่มขึ้นจนคล้ายกับอาการชัก
- มีสารคัดหลั่งและเสมหะออกมาที่หลอดลมมาก
- ภาวะเกร็งของกล่องเสียง
- สามารถพบอาการติดยาได้ หากใช้ติดต่อกันบ่อยครั้ง