วัคซีนปอดอักเสบ
วัคซีนปอดอักเสบ (Pneumococcal Vaccine) เป็นวัคซีนป้องกันโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส นิวโมเนีย (Streptococcus Pneumoniae) อย่างโรคปอดอักเสบ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่มีความรุนแรงและอาจส่งผลให้สมองถูกทำลายหรือเสียชีวิตได้ โดยวัคซีนจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียภายในร่างกาย แม้จะไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ช่วยลดอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังการติดเชื้อ
ทั้งนี้ วัคซีนปอดอักเสบจะผลิตมาจากเชื้อแบคทีเรียที่ตายแล้ว จึงไม่ก่อให้เกิดโรคจากเชื้อดังกล่าว โดยวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันจะมีด้วยกัน 2 ชนิด ดังนี้
1. วัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 สายพันธุ์ (Pneumococcal Conjugate Vaccine: PCV13) ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เด็กอายุมากกว่า 2 ปีที่มีโรคประจำตัวบางประการ และผู้สูงอายุบางรายที่ผ่านการพิจารณาจากแพทย์
2. วัคซีนปอดอักเสบชนิด 23 สายพันธุ์ (Pneumococcal Polysaccharide Vaccine: PPSV23) ใช้ในผู้มีอายุ 2-64 ปีที่มีโรคประจำตัวบางประการ ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้มีอายุ 19-64 ปีที่สูบบุหรี่
เกี่ยวกับวัคซีนปอดอักเสบ
กลุ่มยา | วัคซีนป้องกันโรค |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | ป้องกันโรคจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส นิวโมเนีย |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาฉีด |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้วัคซีนปอดอักเสบเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านทางน้ำนมและเป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่ ดังนั้น ผู้ที่ตั้งครรภ์ กำลังวางแผนตั้งครรภ์ และผู้ที่กำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ฉีดวัคซีน |
คำเตือนในการฉีดวัคซีนปอดอักเสบ
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการฉีดวัคซีนปอดอักเสบ ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- ห้ามใช้วัคซีนปอดอักเสบกับผู้ที่มีประวัติการแพ้วัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 สายพันธุ์ (PCV13) วัคซีนวัคซีนปอดอักเสบชนิด 23 สายพันธุ์ (PPSV23) วัคซีนปอดอักเสบชนิด 7 สายพันธุ์ (PCV7) หรือวัคซีนที่มีส่วนผสมของวัคซีนคอตีบ
- ผู้ที่มีปฏิกิริยาการแพ้หลังฉีดวัคซีนเข็มแรกควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการฉีดวัคซีนหากผู้ป่วยมีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ปัญหาเกี่ยวกับปอด ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ
- ผู้ที่มีอาการป่วยรุนแรงอย่างมีไข้สูงหรือหนาวสั่น ควรรอให้หายดีก่อนแล้วค่อยเข้ารับการฉีดวัคซีน ส่วนผู้ที่มีอาการป่วยไม่รุนแรงอย่างไข้หวัด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยต่อร่างกาย
ปริมาณการใช้วัคซีนปอดอักเสบ
ปริมาณและระยะเวลาในการฉีดวัคซีนปอดอักเสบจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีรายละเอียดการฉีดดังนี้
วัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 สายพันธุ์ (PCV13)
รายละเอียดการฉีดวัคซีนปอดอักเสบชนิด 13 สายพันธุ์ (PCV13)
เด็ก ให้ฉีด 3 เข็มในปริมาณ 0.5 มิลลิตร โดยฉีดเมื่ออายุ 2, 4, และ 6 เดือน แล้วจึงฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-15 เดือน หรืออย่างน้อย 6 เดือนหลังการฉีดเข็มสุดท้าย
เด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
ให้ฉีดตามช่วงอายุ ได้แก่
- อายุ 7-11 เดือน ให้ฉีด 2 เข็มในปริมาณ 0.5 มิลลิตร โดยเว้นระยะในการฉีดอย่างน้อย 1 เดือน แล้วจึงฉีดเข็มที่ 3 เมื่ออายุ 2 ปี
- อายุ 2-23 เดือน ให้ฉีด 2 เข็มในปริมาณ 0.5 มิลลิตร โดยเว้นระยะในการฉีดอย่างน้อย 2 เดือน
- อายุ 2-17 ปี ให้ฉีดเข็มเดียวในปริมาณ 0.5 มิลลิลิตร
ผู้ใหญ่ ให้ฉีดเข็มเดียวในปริมาณ 0.5 มิลลิลิตร
วัคซีนปอดอักเสบชนิด 23 สายพันธุ์ (PCV23)
รายละเอียดการฉีดวัคซีนปอดอักเสบชนิด 23 สายพันธุ์ (PCV23)
เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ ให้ฉีดเข็มเดียวในปริมาณ 0.5 มิลลิลิตร หากเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอาจต้องฉีดซ้ำตามดุลยพินิจของแพทย์
การฉีดวัคซีนปอดอักเสบ
วัคซีนปอดอักเสบจะฉีดโดยแพทย์ผู้ดูแลหรือเจ้าหน้าที่พยาบาล ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และควรไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายให้ครบทุกเข็มเพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุด ในกรณีที่ไม่สามารถไปตามนัดหมายได้หรือลืมไปฉีดวัคซีนตามเวลาที่กำหนดควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยเร็ว
ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนปอดอักเสบ
โดยทั่วไป วัคซีนปอดอักเสบอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น มีไข้ต่ำ รอยแดงหรือบวมบริเวณที่ฉีดวัคซีน ไม่อยากอาหาร รู้สึกหงุดหงิดหรือเหนื่อย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีอาการหนาวสั่น เป็นต้น นอกจากนี้ ในบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อื่น ๆ หลังการฉีดวัคซีน แต่มักพบได้น้อยมาก ได้แก่
- เวียนศีรษะ การมองเห็นเปลี่ยนแปลงไป หูอื้อ ซึ่งเป็นสัญญาณของการหมดสติ
- ปวดบริเวณหัวไหล่อย่างรุนแรงและขยับหัวไหล่ที่ถูกฉีดยาได้ยาก
- อาการแพ้วัคซีนที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยมักจะได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากผลข้างเคียงเหล่านี้อาจปรากฏออกมาภายในเวลาไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมงหลังได้รับวัคซีน แต่หากพบอาการแพ้หรือความผิดปกติใด ๆ นอกเหนือจากนี้ในภายหลังจากการฉีควัคซีนปอดอักเสบ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที