เทอริพาราไทด์ (Teriparatide)
Teriparatide (เทอริพาราไทด์) เป็นยารักษาผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ซึ่งเป็นโรคที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักได้ง่าย ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีสาเหตุมาจากการใช้ยาสเตียรอยด์ ผู้ป่วยผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยทอง และผู้ป่วยผู้ชายที่มีภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ
ยา Teriparatide จะทำงานคล้ายกับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ของร่างกาย โดยช่วยเพิ่มมวลกระดูกเพื่อให้กระดูกแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ อาจใช้เพื่อรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
เกี่ยวกับยา Teriparatide
กลุ่มยา | ยาที่ส่งผลต่อการทำงานของกระดูก (Agents Affecting Bone Metabolism) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | เพิ่มมวลกระดูก |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่เพศชาย |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนได้รับยา |
รูปแบบของยา | ยาฉีดรูปแบบปากกา |
คำเตือนในการใช้ยา Teriparatide
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Teriparatide ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติทางด้านสุขภาพ และประวัติการแพ้ยาต่าง ๆ ก่อนใช้ยา โดยเฉพาะหากผู้ป่วยแพ้ยาชนิดนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนหากกำลังป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก โรคนิ่วในไต โรคตับ โรคไต โรคทางภูมิคุ้มกัน โรคทางพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระดูก ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง ค่าเอนไซม์อัลคาไลน์ ฟอสฟาเทส (Alkaline Phosphatase) ในเลือดสูง หรือกำลังรับการรักษาด้วยวิธีรังสีรักษา
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ แต่หากตั้งครรภ์ระหว่างใช้ยานี้ ให้รีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อนว่ากำลังใช้ยา Teriparatide
- การใช้ยา Teriparatide อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ผู้ป่วยควรค่อย ๆ เปลี่ยนท่าทาง โดยเฉพาะขณะเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่งหรือลุกขึ้นยืน และจำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- เพื่อความปลอดภัยต่อตัวผู้ป่วยและสุขภาพกระดูกที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อาจส่งผลให้ความหนาแน่นมวลกระดูกลดลงและเสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย
- ห้ามใช้ยานี้ในผู้ที่กระดูกยังมีการเจริญเติบโตอยู่ เช่น เด็กเล็กหรือวัยรุ่น
ปริมาณการใช้ยา Teriparatide
ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนที่มีสาเหตุมาจากการใช้ยาสเตียรอยด์ ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ และวัยทอง แพทย์จะให้ใช้ยา Teriparatide เป็นปริมาณ 20 ไมโครกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังบริเวณต้นขาหรือหน้าท้อง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน
อย่างไรก็ตาม ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยปกติแล้ว แพทย์มักให้ผู้ป่วยใช้ยานี้ในกรณีที่ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักสูง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
การใช้ยา Teriparatide
ยา Teriparatide เป็นยาฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนังในรูปแบบปากกาที่ต้องฉีดทุกวัน โดยบุคลากรทางการแพทย์จะเป็นผู้สอนวิธีฉีดยาให้ผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และห้ามหยุดใช้ยาเอง เนื่องจากการใช้ยานี้ให้เห็นผลต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา
ก่อนใช้ยาให้ตรวจสภาพยาก่อน โดยให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ดูขุ่น มีสีเปลี่ยนไป หรือมีเศษต่าง ๆ อยู่ในยา และผู้ป่วยควรใช้อุปกรณ์ที่แพทย์ให้มาเท่านั้น เพื่อการกำหนดปริมาณยาที่แม่นยำ นอกจากนี้ ควรจัดหาสถานที่ที่สามารถนั่งพักหรือเอนตัวนอนได้ เพราะยานี้อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมได้
ในระหว่างที่ใช้ยานี้ แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาตรวจร่างกายเป็นระยะ เพื่อติดตามอาการและการตอบสนองต่อยา และอาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอ ร่วมกับการออกกำลังกาย
ในกรณีที่ลืมฉีดยา ให้ผู้ป่วยฉีดยาทันทีที่นึกได้ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า และรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที สำหรับการเก็บรักษายาควรเก็บยาไว้ในตู้เย็นในช่องปกติ และไม่ควรใช้ยาที่เปิดไว้แล้วเกิน 28 วัน
ปฏิกิริยาระหว่างยา Teriparatide กับยาอื่น
ก่อนใช้ยา Teriparatide ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากกำลังใช้ยาสเตียรอยด์ ยาวาฟาริน (Warfarin) ยาดิจิทาลิส (Digitalis) และยาไดจอกซิน (Digoxin)
นอกจากนี้ ยังมียาอื่น ๆ ที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Teriparatide หากผู้ป่วยกำลังใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ และยารักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ อยู่ ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน เนื่องจากยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางชนิดอาจส่งผลต่อกระบวนการทำงานของยาได้
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Teriparatide
การใช้ยา Teriparatide อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเวียนศีรษะ และหัวใจเต้นเร็วภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากได้รับยา โดยอาการอาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละคน
สำหรับผู้ป่วยที่พบอาการเวียนศีรษะและหัวใจเต้นเร็วหลังจากฉีดยา ให้ผู้ป่วยนั่งหรือนอนพัก และหลีกเลี่ยงการขยับตัวอย่างรวดเร็วจนกว่าอาการจะดีขึ้นก่อน และหากรู้สึกว่าอาการไม่ดีขึ้นหรือเริ่มรุนแรง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ แสบร้อนกลางอก เหงื่อออกมากผิดปกติ ไอ ระคายเคืองในลำคอ คัดจมูก ปวดแขน ขา ข้อต่อ หรือหลัง นอนไม่หลับ หรือเกิดอาการบวม ปวด คัน และฟกช้ำบริเวณที่ฉีดยา หากเกิดอาการเหล่านี้อยู่นานและไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและรีบไปพบแพทย์ทันที หากพบอาการผิดปกติที่มีความรุนแรง เช่น
- อาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น เวียนศีรษะขั้นรุนแรง หายใจไม่ออก เกิดอาการบวมและคันบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ
- สัญญาณของภาวะแคลเซียมสูงเกิน เช่น รู้สึกสับสน กล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนเพลียขั้นรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก กระหายน้ำผิดปกติ ปัสสาวะบ่อย และน้ำหนักตัวลดผิดปกติ
- ปวดกระดูก หรือปวดตามร่างกายอย่างเรื้อรัง
- เกิดตุ่มหรือก้อนใต้ผิวหนังร่วมกับอาการเจ็บที่ไม่เคยเป็นมาก่อน