ไบโฟนาโซล (Bifonazole)
ไบโฟนาโซล (Bifonazole) เป็นยาต้านเชื้อราที่ใช้รักษาการติดเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์ เชื้อรายีสต์ เชื้อราแคนดิดา กลาก และเกลื้อน ที่บริเวณเท้า มือ ลำตัว ข้อพับ และขาหนีบ หรืออาจใช้ในการรักษาอาการอื่น ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
ยาไบโฟนาโซลเป็นยาทาภายนอกที่ออกฤทธิ์รักษายาวนาน มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อยและไม่รุนแรง จึงสามารถหาซื้อได้เองที่ร้านขายยา หรือตามใบสั่งแพทย์
เกี่ยวกับยาไบโฟนาโซล
กลุ่มยา |
ยาต้านเชื้อรากลุ่มอิมิดาโซล |
---|---|
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่หาซื้อได้เอง |
สรรพคุณ | รักษาการติดเชื้อราบนผิวหนังเฉพาะบริเวณ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ | Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่อาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์เมื่อทดลองใช้ยาปริมาณมากผ่านทางปาก แต่ยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หญิงตั้งครรภ์จึงควรใช้ยาหลังจากแพทย์ได้พิจารณาความเสี่ยงต่อเด็กในครรภ์แล้วเท่านั้น |
การใช้ยาในผู้ให้นมบุตร | ยังไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัดได้ว่าการใช้ยาไบโฟนาโซลแบบทาภายนอก จะส่งผลให้ยาถูกดูดซึมผ่านน้ำนมมารดาไปสู่ทารกได้หรือไม่ แต่พบว่ายาไบโฟนาโซลถูกดูดซึมผ่านน้ำนมสัตว์ เมื่อทดลองให้ยาทางเส้นเลือด อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ว่าควรหยุดการให้นมบุตร หรือหยุดการใช้ยาไบโฟนาโซล นอกจากนี้ ผู้ที่กำลังให้นมบุตรไม่ควรใช้ยาไบโฟนาโซลที่บริเวณหน้าอก |
รูปแบบของยา | ยาทาชนิดครีม เจล และยาน้ำใส |
คำเตือนในการใช้ยาไบโฟนาโซล
คำเตือนและข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนใช้ยาไบโฟนาโซล มีดังนี้
- ผู้ใช้ยาที่มีเคยประวัติแพ้ยาในกลุ่มอิมิดาโซล เช่น โคลไตรมาโซล อีโคนาโซล ไมโคนาโซล รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ และกำลังให้นมบุตร ควรระมัดระวังในการใช้ยาเป็นพิเศษ
- ห้ามใช้ยาในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของยา ซึ่งสามารถอ่านได้จากฉลากยา
- ห้ามใช้รักษาโรคติดเชื้อที่เล็บ หนังศีรษะ และบริเวณช่องคลอด
- ห้ามใช้รักษาผื่นผ้าอ้อมในเด็กทารก และไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยสัมผัสกับดวงตา บริเวณปาก หรือเยื่อเมือก หากมีการสัมผัสกับบริเวณดังกล่าง ควรล้างน้ำออกทันที หากมีอาการใด ๆ ควรพบแพทย์
- ไบโฟนาโซลเป็นยาใช้ภายนอก ห้ามรับประทาน หากกลืนยาโดยไม่ได้ตั้งใจและมีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ควรพบแพทย์ทันที
- ผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่าตนติดเชื้อราหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อการวินิจฉัยที่ชัดเจนก่อนเริ่มใช้ยา
ปริมาณการใช้ยาไบโฟนาโซล
คุณสมบัติการรักษาและขนาดการใช้ยาไบโฟนาโซล มีดังนี้
ไบโฟนาโซลมีฤทธิ์ในการรักษาเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์ เชื้อรายีสต์ กลาก และเกลื้อน สำหรับขนาดการใช้ยาเพื่อฆ่าเชื้อราให้หายขาด ควรใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของไบโฟนาโซล 1% โดยทายาบาง ๆ ลงบนผิวบริเวณที่ติดเชื้อรา 1 ครั้งต่อวัน ระยะเวลาการใช้ยาขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อราและความรุนแรงของอาการ ส่วนใหญ่อาจใช้เวลา 2–4 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร
การใช้ยาไบโฟนาโซล
การใช้ยาควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และควรอ่านฉลากยาให้ครบถ้วนก่อนใช้ยา
ไบโฟนาโซลเป็นยาทาภายนอก ควรอาบน้ำให้สะอาดหรือทำความสะอาดผิวหนังที่ติดเชื้อราและเช็ดให้แห้งก่อนใช้ยา รวมถึงล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังใช้ยา
สำหรับการใช้ยา ควรทายาบาง ๆ บริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อรา อาจทาตอนกลางคืนก่อนเข้านอน วันละ 1 ครั้ง อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2–4 สัปดาห์ ไม่ควรหยุดยาแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว ควรใช้ยาจนครบกำหนดเวลาตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
หากลืมทายา ควรทายาทันทีเมื่อนึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลาทายาอีกครั้ง ควรทายาในปริมาณปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า และหากลืมใช้ยาบ่อยครั้ง ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกร
หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงหลังใช้ยาอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 14 วัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
สำหรับการเก็บรักษายา ควรเก็บยาในที่แห้ง และใส่ในบรรจุภัณฑ์มิดชิด ในอุณภูมิห้องที่ต่ำกว่า 30 องศา ไม่ควรเก็บในตู้เย็น หลีกเลี่ยงแสงแดด และควรเก็บให้พ้นมือเด็ก ห้ามใช้ยาหลังวันหมดอายุที่ปรากฎบนบรรจุภัณฑ์
ปฏิกิริยาระหว่างยาไบโฟนาโซลกับยาอื่น
ยาไบโฟนาโซลอาจไปเพิ่มฤทธิ์ของยาวาร์ฟารินหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด ทำให้ค่าไอเอ็นอาร์หรือค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพการรักษาด้วยยาวาร์ฟารินเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าที่ควร ส่งผลให้ประสิทธิภาพการรักษาของยาวาร์ฟารินลดลงได้
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยกำลังใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ อยู่ ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบก่อนเริ่มใช้ยาเสมอ เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาไบโฟนาโซล
การใช้ยาไบโฟนาโซลอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ เช่น ผิวหนังอักเสบ ผิวแดง ผิวลอก หรือรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อยในบริเวณที่สัมผัสกับยา เนื่องจากยามีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
การใช้ยาอาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น มีอาการปวด บวม มีผื่นคัน ผิวหนังแดง ลมพิษ ผิวแห้ง ลอก พุพอง ระคายเคือง แสบร้อน เป็นกลาก ผื่นแพ้สัมผัสหรือโรคผื่นระคายสัมผัส หากมีอาการมากควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์
นอกจากนี้ การใช้ยาไบโฟนาโซลอาจทำให้เกิดความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดอาการแพ้ทั่วร่างกาย แต่เป็นกรณีที่พบน้อยมาก อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ยามีอาการต่อไปนี้ ควรพบแพทย์ทันที
- หายใจลำบาก
- มีอาการบวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น คอ
- คลื่นไส้
- เวียนหัว เป็นลม