Mefenamic Acid (เมเฟนามิค แอซิด)
Mefenamic Acid (เมเฟนามิค แอซิด) เป็นยาแก้ปวด ลดไข้ และต้านการอักเสบที่อยู่ในกลุ่มยาเอ็นเสด (NSAIDs) เมเฟนามิค แอซิดใช้บรรเทาอาการปวดและการอักเสบที่รุนแรงน้อยถึงปานกลาง เช่น อาการปวดฟัน ปวดประจำเดือน ปวดข้อจากโรคข้ออักเสบ ปวดแผลหลังการผ่าตัด รวมถึงสามารถใช้เป็นยาลดไข้ได้
เมเฟนามิค แอซิดจะออกฤทธิ์ยับยั้งสารเคมีในร่างกายที่มีชื่อว่า สารพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารเคมีที่มักจะถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่บาดเจ็บ อักเสบ และบริเวณมดลูกขณะที่กำลังบีบตัว ทำให้เมเฟนามิค แอซิด ช่วยบรรเทาอาการปวด อักเสบ รวมถึงอาการปวดประจำเดือนได้
เกี่ยวกับยา
กลุ่มยา | ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือยาเอ็นเสด (Non-Steroidal Anti-Inflammatory: NSAIDs) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาหาซื้อได้เอง |
สรรพคุณ | บรรเทาอาการปวด บวม อักเสบ ลดไข้ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ | Category C จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ |
การใช้ยาในผู้ให้นมบุตร | ไม่แนะนำให้ยาเมเฟนามิค แอซิด แก่ผู้ที่กำลังให้นมบุตร เนื่องจากยาสามารถขับออกผ่านทางน้ำนมแม่ไปสู่ทารกได้ และผลของยาที่มีต่อทารกในครรภ์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เนื่องจากการศึกษาวิจัยยังมีอยู่อย่างจำกัด |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ชนิดเม็ด แคปซูล และยาน้ำ |
คำเตือนของการใช้ยา Mefenamic Acid
- ผู้ป่วยที่แพ้ยาในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรง ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Heart Bypass Surgery) ทั้งในช่วงก่อนและหลังการผ่าตัด ไม่ควรใช้ยา
- ควรแจ้งแพทย์ให้ครบถ้วนก่อนการใช้ยา หากมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหืด ภูมิแพ้ โรคลมบ้าหมู เป็นแผลที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้ กระเพาะอาหารหรือลำไส้อักเสบ มีหรือเคยมีภาวะบวมที่มือ เท้า ข้อเท้า ขา และในจมูก (ริดสีดวงจมูก) ช่องปากอักเสบ หรือมีความผิดปกติของเลือด
- หากกำลังใช้ยา สมุนไพร หรือวิตามินเสริมใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เนื่องจากมียาหลายชนิดที่อาจเกิดปฏิกิริยากับ Mefenamic Acid ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
- ห้ามใช้ยากับหญิงตั้งครรภ์ในช่วง 20 สัปดาห์สุดท้ายก่อนคลอด ยกเว้นกรณีแพทย์สั่ง รวมถึงหญิงมีครรภ์ ผู้ที่กำลังวางแผนในการมีบุตร หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ก่อนการใช้ยา เพราะยาอาจส่งผลกับทารกในครรภ์ได้
- การใช้ยาในเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ควรใช้ยาโดยอยู่ในการดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร
- ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก หรือสูบบุหรี่ในช่วงที่มีการใช้ยา เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เช่น ขับรถ ทำงานเกี่ยวข้องกับเครื่องจักรกล หรือทำงานในที่สูง เนื่องจากยาชนิดนี้อาจทำให้วิงเวียนศีรษะ หรือง่วงนอนได้
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้งว่ากำลังใช้ยา Mefenamic Acid ก่อนเข้ารับการตรวจทางห้องปฏิบัติการใด ๆ การผ่าตัด รวมถึงการผ่าตัดทันตกรรม
ปริมาณการใช้ยา Mefenamic Acid
ปริมาณการใช้ยา Mefenamic Acid ควรใช้ในปริมาณน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น และใช้ยาในระยะเวลาที่สั้นที่สุดที่สามารถทำได้ ไม่ควรใช้ยา Mefenamic Acid เกิน 7 วัน
ยกตัวอย่างปริมาณการรับประทานยา
อาการปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อมและโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
สำหรับเด็ก อาจให้ยา Mefenamic Acid ชนิดน้ำ ซึ่งปริมาณการรับประทานของแต่ละครั้งแบ่งตามช่วงอายุ เช่น
- เด็กอายุ 6 เดือน–2 ปี รับประทานยาปริมาณ 25 มิลลิกรรม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยแบ่งรับประทาน หรืออาจรับประทานยาปริมาณ 50 มิลลิกรัม 1–3 ครั้งต่อวัน
- เด็กอายุ 2–5 ปี รับประทานครั้งละ 100 มิลลิกรัม 1–3 ครั้งต่อวัน
- เด็กอายุ 5–9 ปี รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัม 1–3 ครั้งต่อวัน เด็กอายุ 9–12 รับประทานครั้งละ 200 มิลลิกรัม 1–3 ครั้งต่อวัน
ในกรณีของเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ รับประทานยา Mefenamic Acid ชนิดเม็ดหรือแคปซูลขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง บางกรณีอาจรับประทาน 500 มิลลิกรัมในครั้งแรก และครั้งต่อ ๆ มาจึงลดปริมาณยาลงเหลือ 250 มิลลิกรัม โดยเว้นระยะรับประทานยาทุก 6 ชั่วโมง หรือตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร
การใช้ยา Mefenamic Acid
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Mefenamic Acid ควรรับประทานยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์ พร้อมทั้งอ่านฉลากให้ครบถ้วนก่อนใช้ยา
ควรรับประทานยา Mefenamic Acid พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เพื่อป้องกันการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร ควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก และไม่ควรใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนด ยกเว้นกรณีแพทย์สั่ง
กรณีลืมรับประทานยาตามเวลาที่กำหนด สามารถ+รับประทานยาได้ทันที แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานยา ให้ข้ามไปรับประทานยาในรอบถัดไปในปริมาณเดิม ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า หากมีอาการผิดปกติ หรือผลข้างเคียงที่รุนแรง ควรไปพบแพทย์
การเก็บยา Mefenamic Acid ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง ห่างจากความร้อน ความชื้น และแสงแดด รวมถึงควรเก็บยาให้พ้นจากมือเด็ก ไม่ควรรับประทานยาที่หมดอายุ เพราะอาจเป็นอันตรายได้
ปฏิกิริยาระหว่างยา Mefenamic Acid กับยาอื่น
ตัวยา Mefenamic Acid อาจทำปฏิกิริยากับยาอื่น ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง หรืออาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่รุนแรงมากขึ้นได้ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเลือกใช้ยา
ตัวอย่างยาอื่นที่ทำปฏิกิริยากับ Mefenamic Acid
- ยาตัวอื่นในกลุ่มเอ็นเสด หรือซาลิไซเลต (Salicylate) เช่น แอสไพริน (Aspirin) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาวาฟาริน ยาต้านเกล็ดเลือด ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) และยาต้านเศร้าเอสเอสอาร์ไอ (SSRI)
- ยากดภูมิคุ้มกันไซโคลสปอริน (Ciclosporin) หรือทาโครลิมัส (Tacrolimus)
- ยาลดความดันโลหิต เช่น เอซีอี อินฮิบิเตอร์ (ACE Inhibitor) ยาปิดกั้นแองจิโอเทนซิน รีเซฟเตอร์ (Angiotensin Receptor Blockers) และยาขับปัสสาวะ เช่น ฟูโรซีไมด์ (Furosemide) ยายุติการตั้งครรภ์ มิฟิพริสโตน (Mifepristone)
- ยาไดจอกซินหรือคาร์ดิแอกไกลโคไซด์ (Cardiac Glycoside) ยารักษาโรคทางจิตเวชอย่างลิเทียม (Lithium) ยาปฏิชีวนะอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminoglycosides) และยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) และยาแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Magnesium Hydroxide)
- ยาลดระดับน้ำตาลชนิดรับประทาน ยารักษาโรคเกาต์ที่มีชื่อว่าโพรเบเนซิด (Probenecid) ยาต้านไวรัสโรคเอดส์อย่างยาซิโดวูดีน (Zidovudine)
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Mefenamic Acid
ผลข้างเคียงทั่วไปของ Mefenamic Acid เช่น ท้องเสีย ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน เสียดท้อง อาหารไม่ย่อย มีแก๊สเกินในกระเพาะหรือลำไส้ รู้สึกแสบร้อนกลางอก ปวดท้องหรือไม่สบายท้อง เวียนศีรษะ เป็นแผลในปาก ปากแห้ง มีเสียงดังในหู หรือหูแว่ว
นอกจากนี้ Mefenamic Acid อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ผู้ที่มีอาการควรหยุดใช้ยา และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากมีอาการอาเจียนเป็นเลือด โดยอาจเป็นสีคล้ายกากกาแฟ อุจจาระปนเลือดหรือเป็นสีดำ ปัสสาวะเป็นเลือดหรือเป็นสีเข้ม เลือดออกง่ายผิดปกติ มีรอยช้ำหรือเป็นจ้ำเลือด ปวดข้อ หรือปวดกล้ามเนื้อ
หากมีอาการเจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ ชาตามแขนขา หรือเกิดการแพ้ยา เช่น มีผื่นขึ้น มีอาการคัน หายใจลำบาก ปาก ลิ้น หรือใบหน้าบวม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที