ความหมาย มะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม เป็นโรคที่เกิดจากการที่เนื้อเยื่อส่วนใดส่วนหนึ่งภายในเต้านมเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งและขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย ก่อนจะลุกลามไปสู่เนื้อเยื่อข้างเคียงและแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่นของร่างกาย โดยมะเร็งชนิดนี้สามารถพบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่พบในเพศชายในอัตราที่น้อยมาก
ภายในเต้านมของผู้หญิงจะประกอบไปด้วยต่อมผลิตน้ำนม ท่อน้ำนม เนื้อเยื่อไขมัน ท่อน้ำเหลือง เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หลอดเลือดต่าง ๆ ซึ่งเซลล์มะเร็งส่วนใหญ่ที่พบมักจะเกิดขึ้นบริเวณต่อมผลิตน้ำนม (Lobules) และท่อน้ำนม (Ducts) มากกว่าส่วนอื่น
การก่อตัวของมะเร็งเต้านมสามารถเกิดขึ้นได้กับเซลล์ทุกส่วนภายในเต้านมในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากเซลล์ผิดปกติมีการแบ่งตัวมากขึ้นเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถควบคุมได้ และขยายใหญ่ขึ้นเป็นก้อนเนื้อร้าย ก่อนจะแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง ระบบน้ำเหลือง และสุดท้ายกระจายไปยังกระแสเลือด และไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้
ระยะของมะเร็งเต้านม
ระยะความรุนแรงของโรคมะเร็งเต้านมจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค (SEER Stage) ดังนี้
- ระยะ Localized : พบเซลล์ผิดปกติภายในเนื้อเยื่อเต้านม แต่ยังไม่พบการลุกลามของโรคไปยังส่วนอื่น สำหรับระยะนี้มีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี ที่ประมาณ 99%
- ระยะ Regional : ก้อนมะเร็งมีขนาดโตขึ้น และเริ่มแพร่กระจายไปยังอวัยวะ หรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง ซึ่งมีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี อยู่ที่ประมาณ 86%
- ระยะ Distant : เซลล์มะเร็งเริ่มแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณอื่น ๆ ที่ไกลออกไปของร่างกาย โดยอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีของระยะนี้อยู่ที่ประมาณ 29%
- Unknown : เป็นกลุ่มที่แพทย์ไม่สามารถประเมินระยะมะเร็งของผู้ป่วยได้
สำหรับประเทศไทย มะเร็งเต้านมถือเป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่ง และมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มะเร็งเต้านมจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น จะเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ผู้ป่วยหายขาดได้มากขึ้น
อาการของมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมในระยะแรกมักไม่แสดงอาการใด ๆ ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เนื่องจากคลำพบก้อนเนื้อในเต้านมหรือบริเวณรักแร้มากที่สุด ส่วนอาการอื่น ๆ อาจสังเกตได้จากขนาดหรือรูปร่างของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หัวนมบุ๋ม เป็นแผล อาจมีน้ำเหลืองหรือของเหลวสีคล้ายเลือดไหลออกมาหรือเป็นผื่นบริเวณหัวนม
สาเหตุของมะเร็งเต้านม
ปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุการเกิดที่แน่ชัดของมะเร็งเต้านม แต่พบปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเพศหญิง ทั้งปัจจัยที่สามารถแก้ไขได้ และไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ชีวิต อายุที่มากขึ้น ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน ความผิดปกติทางพันธุกรรม ผู้หญิงที่ไม่มีบุตร มีช่วงระยะของการมีประจำเดือนนาน และอีกหลายปัจจัย
การวินิจฉัยมะเร็งเต้านม
แพทย์จะตรวจดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเต้านม และประเมินวิธีการรักษาในขั้นตอนต่อไปจากสิ่งที่ตรวจพบ โดยแพทย์อาจมีการตรวจเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) อัลตราซาวน์ (Ultrasound) หรือการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging: MRI) เพื่อดูก้อนเนื้อที่เกิดความผิดปกติ และขอบเขตก้อนมะเร็งในคนไข้บางราย ก่อนจะมีการเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy) ออกมาตรวจ
การรักษามะเร็งเต้านม
การรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธี แต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป เช่น ผ่าตัด ฉายรังสี รักษาด้วยฮอร์โมน หรือทำเคมีบำบัด โดยแพทย์อาจใช้วิธีการเดียวหรือหลายวิธีรวมกันในการรักษา ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทีมแพทย์และความต้องการของผู้ป่วย เพื่อการวางแผนการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับประโยชน์สูงสุด
ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายกรณี เนื่องมาจากผลของการรักษาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ผู้ป่วยอาจรับประทานอาหารได้น้อย รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น นอนไม่หลับ หรือมีปัญหาด้านทางอารมณ์
นอกจากนี้ยังมีภาวะบวมน้ำเหลืองในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม เนื่องจากท่อน้ำเหลืองเกิดการอุดตันจนทำให้มีการคั่งของน้ำเหลืองบริเวณนั้นมาก อีกทั้งมะเร็งยังอาจแพร่กระจายไปบริเวณส่วนอื่นของร่างกายได้หากมะเร็งเกิดการลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดไปยังอวัยวะนั้น ๆ
การป้องกันมะเร็งเต้านม
ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย และเข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือพยาบาลเป็นครั้งคราว โดยผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรเข้ารับการตรวจเอกซเรย์เต้านมประมาณปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากมะเร็งเต้านมยังไม่พบสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด การป้องกันได้เต็มประสิทธิภาพจึงทำได้ยาก
นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพอาจช่วยลดโอกาสการเกิดและรับมือกับมะเร็งเต้านมได้อย่างทันท่วงที