การช่วยตัวเอง (Masturbation) คือการกระตุ้นอวัยวะเพศตัวเอง โดยการสัมผัส เค้น หรือนวดคลึงอวัยวะเพศตัวเองเพื่อปลุกอารมณ์ทางเพศเพื่อทำให้ถึงจุดสุดยอดและให้ได้รับความพึงพอใจมากที่สุด ซึ่งทั้งผู้ชายและผู้หญิงสามารถช่วยตัวเองได้โดยมักไม่ก่อให้เกิดโทษต่อสุขภาพ แต่การหมกมุ่นช่วยตัวเองบ่อยเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตได้
การช่วยตัวเองนับเป็นพัฒนาการทางเพศที่ปกติอย่างหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการสำรวจร่างกายตัวเองเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เพื่อช่วยปลดปล่อยความต้องการทางเพศที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีคู่นอน คู่นอนไม่ยินยอม หรือไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ด้วยได้ อีกทั้งยังช่วยให้รู้จักและเข้าใจวิธีที่ทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขในการปลุกเร้าอารมณ์ของตัวเอง และช่วยให้ผู้อื่นสำเร็จความใคร่ได้ด้วย
9 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการช่วยตัวเอง
คนในสังคมมักเชื่อว่าการช่วยตัวเองถือเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่สมควรพูดในที่สาธารณะ หลายคนจึงมักรับรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวคลาดเคลื่อนหรือไม่ถูกต้อง จึงควรพูดคุยหรือปรึกษาแพทย์หรือผู้ที่มีความรู้ด้านสุขศึกษาและเพศศึกษาเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับการช่วยตัวเองได้อย่างถูกต้อง ในที่นี้จะยกความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการช่วยตัวเองมาบางส่วน ดังนี้
1. ผู้ชายช่วยตัวเองได้เท่านั้น
งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าเด็กผู้ชายมักช่วยตัวเองมากกว่าเด็กผู้หญิง โดยคิดเป็นเด็กผู้ชายประมาณ 3 ใน 4 ต่อจำนวนเด็กผู้หญิงประมาณ 1 ใน 2 อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็สามารถสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองได้
2. พ่อแม่ควรห้ามไม่ให้ลูกช่วยตัวเอง
วัยรุ่นที่มีความอยากรู้อยากเห็นและเกิดความต้องการทางเพศ หากพ่อแม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในแง่ลบ เด็กอาจรู้สึกผิดหรือละอายเมื่อต้องช่วยตัวเองเพื่อสนองความต้องการทางเพศ พ่อแม่จึงควรเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง และให้คำแนะนำกับลูกเกี่ยวกับการช่วยตัวเองเมื่อถึงช่วงวัยอันควรอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ พ่อแม่ควรสังเกตว่าการช่วยตัวเองของลูกเกิดจากความเครียดหรือไม่ และสาเหตุที่ทำให้เด็กเครียดคืออะไร รวมทั้งสังเกตพฤติกรรมการช่วยตัวเองที่ผิดปกติ เช่น ช่วยตัวเองวันละหลายครั้ง ช่วยตัวเองในที่สาธารณะ และมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น โมโหร้าย ซึมเศร้า เก็บตัว ปัสสาวะหรืออุจจาระราด หรือมีพฤติกรรมทางเพศอื่น ๆ ที่ไม่เหมาะสม
3. การช่วยตัวเองส่งผลต่อจำนวนอสุจิและการมีลูก
ผู้ชายที่ช่วยตัวเองจะไม่มีปัญหาเรื่องจำนวนอสุจิลดลงหากยังผลิตอสุจิออกมาได้เรื่อย ๆ โดยหลังจากที่หลั่งอสุจิแล้ว อาจใช้เวลาสักพักถึงหลั่งอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เกิดความผิดปกติใด ๆ เช่นเดียวกับผู้หญิงที่ช่วยตัวเอง การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศหรือทำให้มีลูกยากแต่อย่างใด
4. ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองมีแนวโน้มจะมีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน
ความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย รวมทั้งการเติมเต็มความต้องการทางเพศให้แก่ตัวเอง ถือเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับวัยรุ่นทุกคน การช่วยตัวเองจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าจะมีพฤติกรรมรักสนุก มีคู่นอนหลายคน หรือมีแนวโน้มนอกใจคู่รักของตัวเอง
5. การช่วยตัวเองส่งผลต่อการมีรอบเดือนของผู้หญิง
ปัญหารอบเดือนของผู้หญิงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการช่วยตัวเอง แต่มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากความเครียด การออกกำลังกายหนัก น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยกว่าเกณฑ์ การใช้ยาคุมกำเนิด และโรคประจำตัว เช่น โรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) โรคไทรอยด์ และโรคเบาหวาน การสำเร็จความใคร่จึงไม่ได้ส่งผลต่อประจำเดือนหรือสมรรถภาพทางเพศของผู้หญิง
6. ผู้ที่ช่วยตัวเองอาจป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การช่วยตัวเองเป็นวิธีสำเร็จความใคร่ที่ไม่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต่างจากการร่วมเพศกับคู่นอนโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัยป้องกัน มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน หรือคู่นอนเคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคได้
7. ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองจะไม่รู้สึกมีความสุขกับการสอดใส่
หลายคนคิดว่าการช่วยตัวเองจะทำให้ผู้หญิงไม่รู้สึกมีความสุขกับการสอดใส่เมื่อต้องร่วมเพศกับคู่นอน ความจริงแล้ว การช่วยตัวเองกลับช่วยให้ได้เรียนรู้วิธีเติมเต็มความสุขทางเพศให้กับตัวเอง ซึ่งอาจจะช่วยให้ผู้หญิงมีความสุขมากขึ้นเมื่อต้องร่วมเพศกับคู่นอน
8. การช่วยตัวเองก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต
เดิมทีเคยเชื่อกันว่าการช่วยตัวเองจะทำให้เกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ตาบอด มะเร็ง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือป่วยทางจิต ซึ่งความเข้าใจผิดเช่นนี้ได้รับการบอกกล่าวต่อกันมา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนไม่ถูกต้อง
สิ่งที่ผู้คนทั่วไปกังวลเกี่ยวกับการช่วยตัวเองคือความถี่หรือความบ่อยของการทำกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งระดับความถี่ในการช่วยตัวเองที่ถือว่าปกตินั้น มีตั้งแต่ช่วยตัวเองทุกวันไปจนถึงไม่ช่วยตัวเองเลย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละคน ความถี่ในการช่วยตัวเองของแต่ละคนจึงไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวลนัก หากไม่ได้นำไปสู่โรคย้ำคิดย้ำทำหรือหมกมุ่นจนเกินไป
9. ผู้ที่ช่วยตัวเองมักมีพฤติกรรมทางเพศผิดปกติ
สังคมบางแห่งได้ปลูกฝังผู้คนว่าการช่วยตัวเองเป็นเรื่องผิดและไม่ถูกต้องทางศีลธรรม ผู้ที่เติบโตมาในสังคมนั้นและได้รับการปลูกฝังดังกล่าว จึงอาจรู้สึกผิดเมื่อรู้สึกพึงพอใจกับการช่วยตัวเอง รวมทั้งอาจมีความเข้าใจผิดว่าการช่วยตัวเองส่งผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งไม่เป็นความจริง
วิธีช่วยตัวเอง
ผู้ชายและผู้หญิงสามารถสำเร็จความใคร่ได้ด้วยตัวเอง โดยการช่วยตัวเองของผู้หญิงและผู้ชายมีวิธีที่ต่างกัน ดังนี้
วิธีช่วยตัวเองสำหรับผู้ชาย
วิธีช่วยตัวเองสำหรับผู้ชายนั้นทำได้โดยการใช้มือข้างที่ถนัดสัมผัสอวัยวะเพศ โดยแต่ละคนมีวิธีจับองคชาตแตกต่างกัน ผู้ชายส่วนมากมักใช้มือกำท่อนอวัยวะเพศตัวเองไว้ทั้งหมด หรือบางคนก็ใช้เฉพาะนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้หรือนิ้วกลางจับท่อนอวัยวะเพศตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มถูอวัยวะเพศช้า ๆ เบา ๆ แล้วเร่งการกระตุ้นให้เร็วและแรงขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ชายหลายคนยังดูภาพหรือภาพยนตร์โป๊ระหว่างสำเร็จความใคร่ด้วย ทั้งนี้ บางคนก็กังวลว่าตนเองอาจหมกมุ่นกับการมีเพศสัมพันธ์แบบในภาพยนตร์มากเกินไป อย่างไรก็ตาม ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาและยังสนใจผู้หญิงที่ตัวเองถูกใจเมื่อพบเจอในชีวิตจริงอยู่
วิธีช่วยตัวเองสำหรับผู้หญิง
การสำเร็จความใคร่สำหรับผู้หญิงคือการกระตุ้นปุ่มกระสันหรือคลิตอริส (Clitoris) โดยคลิตอริสจะมีลักษณะเป็นปุ่มเล็กๆ อยู่ตรงปากช่องคลอด ซึ่งเป็นอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึก การสัมผัสหรือกระตุ้นคลิตอริสจะทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศมากขึ้น
ระหว่างที่ช่วยตัวเอง ลองสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์มากขึ้น รวมทั้งอาจดูภาพหรือภาพยนตร์โป๊ร่วมด้วย ผู้หญิงบางคนอาจใช้อุปกรณ์เสริมช่วยอย่างเครื่องสั่นหรือไวเบรเตอร์ (Vibrator) ที่ใช้บำบัดความต้องการทางเพศมาใช้ช่วยตัวเอง
ประโยชน์ของการช่วยตัวเอง
การช่วยตัวเองนอกจากจะช่วยปลดปล่อยความต้องการทางเพศแล้ว ยังมีประโยชน์ที่ส่งผลดีต่อผู้ที่สำเร็จความใคร่ด้วยวิธีนี้ ซึ่งประกอบด้วยประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และประโยชน์เกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ ดังนี้
ประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป
การช่วยตัวเองช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับง่ายและสบายขึ้น อีกทั้งช่วยลดความเครียด เนื่องจากการช่วยตัวเองจะช่วยปลดปล่อยความเครียดและความต้องการทางเพศ อีกทั้งยังกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endophins) ซึ่งทำให้สุขภาพกายและใจดีขึ้น
ประโยชน์เกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ
การช่วยตัวเองไม่ได้เป็นวิธีปลดปล่อยความต้องการทางเพศเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อการทำกิจกรรมทางเพศด้านอื่นด้วย เช่น
- เป็นวิธีการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เนื่องจากจะช่วยเลี่ยงการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งไม่ทำให้เสี่ยงป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหมือนกับการร่วมเพศกับคู่นอน
- ช่วยให้รู้สึกพึงพอใจกับกิจกรรมทางเพศของตัวเองมากขึ้น เนื่องจากผู้ที่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองจะเข้าใจว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบการกระตุ้นหรือการปลุกเร้าแบบใด ทั้งผู้ชายและผู้หญิงอาจพบวิธีที่ทำให้ถึงจุดสุดยอดจากการช่วยตัวเอง
- ส่งผลดีต่อการทำกิจกรรมทางเพศของคู่นอน โดยอาจทำให้รู้วิธีเติมเต็มความต้องการของอีกฝ่ายได้ตรงจุด ซึ่งช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
- ช่วยรักษาความบกพร่องทางเพศที่เกิดขึ้นกับผู้ชายและผู้หญิง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเพศจะแนะนำให้ผู้หญิงช่วยตัวเองเพื่อหาจุดสุดยอดในการมีเพศสัมพันธ์ ส่วนผู้ชายก็อาจต้องช่วยตัวเองเพื่อรู้วิธีชะลอการหลั่งหรือไปถึงจุดสุดยอดให้ช้าลง
ความเสี่ยงจากการช่วยตัวเอง
การช่วยตัวเองอาจก่อให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ในกรณีที่ไปสัมผัสอวัยวะเพศผู้ที่มีเชื้อแล้วมาสัมผัสอวัยวะเพศตัวเอง เนื่องจากเชื้อก่อโรคสามารถติดต่อกันได้ผ่านน้ำอสุจิหรือเมือกในช่องคลอด รวมทั้งการใช้เซ็กส์ทอย (Sex Toys) ร่วมกับผู้ที่มีโรคสามารถเพิ่มความเสี่ยงติดต่อโรคทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน
การรักษาสุขอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำความสะอาดเซ็กส์ทอยก่อนใช้ทุกครั้ง หากเป็นไปได้ไม่ควรใช้เซ็กซ์ทอยร่วมกับผู้อื่น และควรสวมถุงยางอนามัยที่เซ็กส์ทอยเมื่อใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
นอกจากนี้ การช่วยตัวเองอาจเป็นปัญหาเมื่อมีพฤติกรรมเสพติดการช่วยตัวเอง โดยสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ ดังนี้
- หมกมุ่นกับการช่วยตัวเองเป็นเวลานาน และช่วยตัวเองบ่อยจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน
- เกิดการระคายเคืองที่อวัยวะเพศ เช่น อวัยวะเพศบวมแดง ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 1–2 วัน แต่หากช่วยตัวเองรุนแรงเกินไป อาจเกิดอาการแสบ มีรอยช้ำ หรือมีเลือดออกที่อวัยวะเพศ
- ช่วยตัวเองแม้จะไม่มีอารมณ์ทางเพศ หรือช่วยตัวเองเพื่อผ่อนคลายความเครียดและความไม่สบายใจ
- ไม่เกิดอารมณ์ทางเพศและไม่ถึงจุดสุดยอด (Orgasm) เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอน
- ไม่สามารถยับยั้งความต้องการช่วยตัวเองได้ จึงเลือกที่จะช่วยตัวเองในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น ในที่ทำงาน
- รู้สึกผิดหลังจากที่ช่วยตัวเอง
การช่วยตัวเองเป็นเรื่องปกติและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย แต่กรณีที่มีอาการเสพติดการช่วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป