กินเผ็ด ผลดี ผลเสีย และเรื่องที่ควรระวัง

การกินเผ็ดเป็นรสนิยมการรับประทานอาหารที่แพร่หลายในทุกช่วงวัยและพื้นที่ โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งนอกจากความเผ็ดจะช่วยเพิ่มความอร่อยและความกลมกล่อมให้กับอาหารไทยแล้ว อาหารที่เผ็ดยังถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของเมืองไทยที่ทำให้หลายคนติดใจอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่าการกินอาหารรสจัดอย่างอาหารที่เผ็ดอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ในขณะที่หลาย ๆ คนกลับเชื่อว่าอาหารเผ็ดมีประโยชน์ต่อสุขภาพและระบบเผาผลาญ มาดูกันว่า ความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการกินเผ็ดจะเป็นจริงเท็จมากน้อยประการใด และควรกินอาหารเผ็ดอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

1994 กินเผ็ด rs

ความเผ็ดเป็นอย่างไร ?

หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าความเผ็ดเป็นรสชาติเช่นเดียวกับรสหวาน รสเปรี้ยว รสขม หรือรสเค็ม แต่แท้จริงแล้ว ความเผ็ดเป็นเพียงอาการแสบร้อนของลิ้นที่เกิดจากสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในพริก นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเทศอีกหลายชนิดที่ถูกนำมาใช้เพิ่มความเผ็ดในอาหารด้วย เช่น กระเทียม ขิง ยี่หร่า อบเชย และกะเพรา เป็นต้น โดยเครื่องเทศเหล่านี้มักถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารหรือใช้ปรุงรสเพื่อเพิ่มรสชาติ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทั้งแบบดิบ แบบสุก แบบบด และแบบแห้ง

ผลกระทบต่อสุขภาพจากการกินเผ็ด

แม้ความเผ็ดจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกัน การกินเผ็ดก็อาจมีโทษบางอย่างต่อร่างกายได้เช่นกัน โดยอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนี้

ช่องปาก หลายคนอาจรู้สึกแสบร้อนภายในปากหลังจากกินอาหารเผ็ด โดยอาการแสบร้อนนี้ถือเป็นกลุ่มอาการแสบร้อนในช่องปาก ซึ่งอาจส่งผลต่อลิ้น เหงือก ริมฝีปาก แก้ม เพดานปาก และบริเวณอื่น ๆ ภายในช่องปากด้วย รวมทั้งอาจทำให้ปากแห้ง รู้สึกหิวน้ำ อาจสูญเสียการรับรส หรือทำให้ลิ้นรับรสชาติผิดเพี้ยนไปได้

ระบบทางเดินอาหาร สารแคปไซซินในพริกอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย คลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งในกรณีที่เกิดการอาเจียน กรดที่ไหลย้อนกลับมาจากกระเพาะอาหารอาจทำให้หลอดอาหารระคายเคืองได้ นอกจากนี้ การกินเผ็ดก็อาจส่งผลให้อาการของโรคแผลในกระเพาะอาหารรุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคนี้จึงควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารเผ็ด เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยไม่ให้โรคแผลในกระเพาะอาหารมีอาการรุนแรงขึ้น

ระบบทางเดินหายใจ การกินเผ็ดอาจเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้จมูกจากอาหาร ซึ่งเป็นโรคจมูกอักเสบชนิดที่ไม่ได้เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ แต่มีสาเหตุมาจากอาหารที่กิน โดยอาจทำให้มีอาการน้ำมูกไหลหรือมีเสมหะในคอหลังจากกินอาหารเผ็ด อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยบางชิ้นระบุว่าสารแคปไซซินอาจมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้มีอาการดีขึ้นได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของสารแคปไซซินที่มีต่อโรคนี้อย่างชัดเจนต่อไป

ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ การกินเผ็ดอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอก นอกจากนี้ การกินเผ็ดอาจส่งผลให้อาการของโรคบางชนิดอย่างโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบรุนแรงขึ้นได้ เนื่องจากอาหารเผ็ดอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคือง ซึ่งผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจมีการติดเชื้อบริเวณอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะด้วย อย่างไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ดังนั้น ผู้ที่มีอาการของโรคดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการเลือกกินอาหารอย่างเหมาะสม

ประโยชน์ต่อสุขภาพจากการกินเผ็ด

แม้การกินเผ็ดจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายอย่าง แต่ก็ยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางส่วนได้กล่าวถึงคุณประโยชน์ต่าง ๆ ของการกินเผ็ดว่าอาจส่งผลดีต่อสุขภาพ ดังนี้

ช่วยให้อายุยืน จากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง พบว่าการกินเผ็ดอย่างน้อยเพียงวันละครั้ง 6-7 วันต่อสัปดาห์ ช่วยให้อัตราการเสียชีวิตลดลงถึง 14 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ ทั้งวิธีการเก็บข้อมูลที่อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน และไม่มีข้อมูลของตัวแปรอื่น ๆ อย่างปริมาณและชนิดของอาหารที่กินของผู้รับการทดลองแต่ละคน ซึ่งอาจมีผลต่องานวิจัยชิ้นนี้ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพื่อยืนยันผลลัพธ์ที่แน่ชัดเพิ่มเติม

ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า พริกและเครื่องเทศบางชนิด อย่างยี่หร่า อบเชย ขมิ้น พริก และพริกไทย ต่างก็มีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย และยังช่วยให้รู้สึกหิวช้าลงด้วย ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงานวิจัยนี้เป็นการทดลองในสัตว์ และยังไม่มีงานวิจัยที่ศึกษาในมนุษย์ ดังนั้น ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมโดยทดลองในมนุษย์ เพื่อหาข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนต่อไป

ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย จากงานค้นคว้าบางส่วน พบว่าเครื่องเทศบางชนิดอย่างยี่หร่าและขมิ้นอาจมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและจุลินทรีย์ และอาจมีส่วนช่วยในการยับยั้งแบคทีเรียในร่างกายได้เช่นกัน

ป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วย พริกอาจช่วยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า พริกอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีและเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีได้ นอกจากนี้ พริกยังอาจมีส่วนช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิต มีสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งสารแคปไซซินในพริกอาจมีฤทธิ์ช่วยในการรักษามะเร็งบางชนิดได้ แต่ผลการวิจัยเหล่านี้ยังจำเป็นต้องมีหลักฐานทางการค้นคว้าเพื่อยืนยันประสิทธิภาพดังกล่าวให้ชัดเจน

นอกจากพริกแล้ว ยังมีเครื่องเทศชนิดอื่น ๆ ที่ให้ความเผ็ดและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบด้วย อย่างขิงและกระเทียมก็ถูกนำมาใช้เป็นการรักษาทางเลือกของโรคหรือการเจ็บป่วยบางชนิดด้วย เช่น โรคข้ออักเสบ โรคภูมิต้านทานต้านตัวเอง อาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ เป็นต้น ส่วนเครื่องเทศชนิดอื่น ๆ ที่ให้ความเผ็ดก็ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาในการเป็นหวัดในผู้ที่บริโภควิตามินซีเป็นประจำได้ด้วย

กินเผ็ดอย่างไรให้ปลอดภัย ?

แม้ความเผ็ดอาจช่วยเพิ่มความอร่อยในอาหาร หรือคุณอาจเป็นคนที่ชื่นชอบการกินเผ็ดมากเพียงใด แต่ผู้บริโภคทุกคนก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพของตนด้วย โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรระมัดระวังการกินอาหารเผ็ดมากเป็นพิเศษ เพราะถึงแม้อาหารเผ็ดจะไม่เป็นอันตรายต่อลูกในท้อง แต่การกินเผ็ดก็อาจเป็นสาเหตุของอาการแสบร้อนกลางอกได้ เนื่องจากอาหารเผ็ดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคกรดไหลย้อนในหญิงตั้งครรภ์ได้ ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการกินเผ็ดมากจนเกินไป และหากมีอาการแสบร้อนกลางอกหรือรู้สึกจุกเสียดแน่น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ดังนั้น คนที่ชื่นชอบอาหารเผ็ดร้อนควรกินเผ็ดในปริมาณที่เหมาะสมด้วย เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบต่าง ๆ ต่อร่างกาย ส่วนผู้ที่มีภาวะเจ็บป่วย ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการกินเผ็ด และเรียนรู้วิธีเลือกกินอาหารที่เหมาะกับสุขภาพของตนเองด้วยเช่นกัน