ทุกวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบของมือสองและมักซื้อมาใช้เป็นประจำ อาจเป็นเพราะราคาที่ไม่แพงเท่าของมือหนึ่ง สภาพสินค้าที่บางครั้งยังดูเหมือนใหม่ หรือดีไซน์ที่ถูกใจผู้ซื้อ แต่รู้หรือไม่ว่าของมือสองเป็นสินค้าที่ควรเช็กให้ดีก่อนซื้อมาใช้ เพราะนอกจากจะต้องระวังเรื่องคุณภาพแล้วยังต้องระวังเรื่องปัญหาสุขภาพด้วย
เมื่อเห็นว่าของมือสองที่เล็งไว้ดูใหม่และน่าจะยังใช้งานได้ดี หลายคนอาจมองข้ามเรื่องคุณภาพและไม่ได้ใส่ใจเช็กของโดยละเอียด จึงอาจนำไปสู่อันตรายที่เรามองไม่เห็นและคาดไม่ถึงซึ่งเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพอย่างโรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ หรือโรคติดต่อจากสัตว์พาหะบางชนิด บทความนี้จึงรวบรวมข้อควรรู้และข้อควรระวังเมื่อซื้อของมือสองมาฝากกัน
ของมือสองกับสิ่งที่ควรระวังก่อนซื้อมาใช้
ของทุกชิ้นอาจไม่ได้เหมาะสำหรับการนำมาใช้งานเป็นของมือสองหรือการนำมาใช้งานซ้ำ ๆ ผู้ซื้อจึงควรระมัดระวังในการเลือกซื้อและควรพิจารณาของแต่ละชิ้นโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก อาทิ
1. ของมือสองด้อยคุณภาพอาจนำไปสู่อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ
คุณภาพถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อซื้อของมือสอง เพราะหากไม่มีคุณภาพอาจกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ และเสี่ยงต่อการเกิดอาการบาดเจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะของมือสองประเภทอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย เช่น หมวกกันน็อค และอุปกรณ์สำหรับเด็กที่ไม่สามารถตรวจสอบอายุการใช้งานได้หรือดูไม่ค่อยแข็งแรง เช่น คอกกั้นเด็ก เปลเด็ก รถเข็นเด็ก หรือคาร์ซีท
แม้ว่าจะเป็นของมือสองที่ราคาดี แต่ถ้าไม่มีคุณภาพหรือถูกใช้งานมาอย่างยาวนานจนชำรุด แทนที่อุปกรณ์เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคนที่คุณรักหรือตัวคุณเอง ก็อาจไม่สามารถปกป้องได้ ซ้ำยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย หากไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของของมือสองได้ อาจเลือกซื้อสินค้าที่เป็นของมือหนึ่งมาใช้แทน เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ หากเราซื้อของมือสองที่ไม่ผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือไม่มีหมายเลขมอก. บนอุปกรณ์มาใช้ อาจเสี่ยงต่อการเกิดไฟดูด ไฟรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร หรือไฟไหม้ได้ โดยอุปกรณ์แต่ละชนิดจะมีหมายเลขมอก. ที่ต่างกันไป จึงควรศึกษาก่อนเลือกซื้อ เช่น ปลั๊กพ่วงเลขที่มอก. 2432–2555 พัดลมไฟฟ้าเลขที่มอก. 934–2533 ไดร์เป่าผมเลขที่มอก. 1985–2549
2. ของมือสองบางชนิดอาจเป็นพิษต่อร่างกาย
หลายคนอาจไม่ทราบว่าของมือสองบางชนิดอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ เนื่องจากสี สารเคลือบเงา หรือวัสดุที่นำมาใช้ทาหรือผลิตสิ่งของนั้นมีส่วนผสมของสารโลหะหนักหรือสารกึ่งโลหะอย่างตะกั่ว พลวง สารหนู แคดเมียม หรือโครเมียม ซึ่งอาจพบได้ในของเล่นเด็กที่ไม่มีมาตรฐาน นอกจากนี้ ยังต้องระวังสารเคมีอย่างสารกำจัดแมลง สารกำจัดเชื้อรา และสารทำละลาย ที่มากับของมือสองอีกด้วย
หากเด็กนำของเล่นหรืออุปกรณ์ที่ปนเปื้อนสารดังกล่าวเข้าปาก อาจได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งสารต่าง ๆ ที่กล่าวมาอาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นอันตรายต่อดวงตา ผิวหนัง สมอง ระบบประสาท กล้ามเนื้อและกระดูก ทางเดินหายใจ และยังอาจเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย ดังนั้น หากสังเกตเห็นของเล่นมือสองมีรอยถลอกหรือสีลอก หรือไม่มั่นใจในมาตรฐานก็ไม่ควรซื้อให้ลูกเด็ดขาด
3. ของมือสองอาจเป็นที่อยู่ของสารก่อภูมิแพ้
สารก่อภูมิแพ้ อย่างขนสัตว์ สะเก็ดผิวหนัง หรือควันบุหรี่ มักฝังตัวอยู่ในของมือสองจำพวกเสื้อผ้า เตียงนอน พรม หรือเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งหากไม่ได้รับการซักทำความสะอาดและผ่านความร้อนอย่างถูกวิธีก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ตามมาได้ เช่น ผื่น แดง คัน ตุ่มบนผิวหนัง
4. ของมือสองอาจเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค
เชื้อโรคและพาหะนำโรค เช่น ตัวไร เรือด เห็บ หมัด หิด หรือโลนที่มากับของมือสองเป็นอีกปัญหาที่ผู้ซื้อควรระวัง โดยเฉพาะกับเสื้อผ้า เตียงนอน ชุดว่ายน้ำ เครื่องสำอาง และอุปกรณ์แต่งหน้าที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด หรือทำความสะอาดไม่ดีพอก่อนนำมาใช้
หากผู้ซื้อไม่ระวังอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในร่างกายและอาจติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้ เช่น การติดเชื้อราที่ผิวหนังอย่างกลากหรือเกลื้อน การติดเชื้อปรสิตที่ผิวหนังและศีรษะอย่างโรคหิด เหา หรือโลน การติดเชื้อแบคทีเรียอย่างสแตฟิโลค็อกคัส (Staphylococcus) และสเตรปโตค็อกคัส (Streptococcus) รวมไปถึงการติดเชื้อที่อวัยวะเพศด้วย
ทุกครั้งที่เลือกซื้อของมือสองต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาสุขภาพในภายหลัง ก่อนซื้อควรสังเกตและตรวจสอบของแต่ละชิ้นว่ามีคุณภาพและไม่ชำรุดจนใช้งานไม่ได้ เมื่อซื้อมาแล้วควรทำความสะอาดหรือซ่อมบำรุงของแต่ละชิ้นก่อนใช้ และที่สำคัญควรหมั่นดูแลรักษาของเป็นอย่างดีเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานในระยะยาว
