คันอวัยวะเพศชาย คืออาการคันหรือระคายเคืองบริเวณองคชาตหรือถุงอัณฑะ โดยผิวหนังบริเวณนั้นอาจแดงหรือมีผื่นขึ้นร่วมด้วย โดยอาการคันบริเวณอวัยวะเพศชายอาจมีสาเหตุมาจากโรคทางผิวหนังหรือการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง การติดเชื้อราในอวัยวะเพศชาย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม โรคหนองใน
อาการคันบริเวณอวัยวะเพศชายอาจรักษาได้ด้วยการดูแลสุขอนามัยของตนเอง หรือใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการคัน อย่างไรก็ตาม อาการคันอวัยวะเพศชายที่เกิดจากการติดเชื้อหรือปัญหาสุขภาพบางอย่าง อาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาตามสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการคันอย่างเหมาะสม
สาเหตุของอาการคันอวัยวะเพศชาย
คันอวัยวะเพศชายเป็นอาการที่สามารถพบได้ทั่วไป โดยของอาการคันอวัยวะเพศอาจเกิดจากสาเหตุที่ไม่รุนแรง เช่น เหงื่อออกบริเวณอวัยวะเพศชายเยอะผิดปกติ ใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่นเกินไป ขนคุด หรือขนเริ่มขึ้นหลังจากโกนขนบริเวณอวัยวะเพศ
นอกจากนี้ อาการคันอวัยวะเพศชายอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น
1. โรคผื่นระคายสัมผัส (Contact dermatitis)
เมื่ออวัยวะเพศชายสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง อาจส่งผลให้มีผื่นระคายสัมผัสเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศชาย โดยอาการแพ้อาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น แพ้สบู่ แพ้เสื้อผ้า หรือแพ้ถุงยางอนามัย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคัน แดง แห้ง และอาจมีตุ่มเล็ก ๆ เกิดขึ้นบนอวัยวะเพศชาย
หากเกิดผื่นระคายสัมผัสขึ้น ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งอาจช่วยให้อาการคันอวัยวะเพศชาย รวมถึงอาการแพ้อื่น ๆ ดีขึ้น
2. โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis)
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังบนอวัยวะเพศชายอาจเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ พันธุกรรม ความเครียด การสัมผัสสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง โดยอาจทำให้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศชายเกิดผื่นคัน บวม มีตุ่มเกิดขึ้น ผิวหนังแห้ง หนาหรืออาจลอกเป็นแผ่นสีแดง น้ำตาลหรือสีเทาได้
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอาจไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ แต่หากเกาและทำให้ผิวหนังเกิดรอยแผล ผื่นอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณนั้นได้
3. โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่อาจก่อให้เกิดอาการคันอวัยวะเพศชายได้ โดยสาเหตุอาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหนังเกิดการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว และสะสมตัวอยู่บนผิวหนัง โดยโรคสะเก็ดเงินอาจก่อให้เกิดผื่นคัน แสบ และผิวลอกเป็นแผ่นหรือขุยสีแดง
4. โรคไลเคน พลานัส (Lichen planus)
โรคไลเคน พลานัสเป็นอาการอักเสบที่อาจพบได้บริเวณเล็บ ผม ผิวหนัง รวมไปถึงอวัยวะเพศชาย โดยไลเคน พลานัสบริเวณอาจก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น คันอวัยวะเพศชาย ผื่นตุ่มนูน ผิวหนังมีสีม่วงหรือสีขาวซีดรูปวงรีบริเวณที่เกิดอาการ โดยสาเหตุของโรคอาจยังไม่แน่ชัด แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการต่าง ๆ อาจดีขึ้นได้เอง
5. โรคติดเชื้อราอวัยวะเพศชาย (Male thrush)
โรคติดเชื้อราที่อวัยวะเพศชายเกิดจากการติดเชื้อราแคนดิดา โดยมักก่อให้เกิดผื่นคัน ระคายเคือง แสบ แดงบริเวณปลายองคชาตและหนังหุ้มปลายองคชาต อวัยวะเพศชายมีกลิ่นเหม็น และมีของเหลวสีขาวคล้ายชีสสะสมอยู่ใต้หนังหุ้มปลายองคชาต
6. ปลายอวัยวะเพศชายอักเสบ (Balanitis)
ปลายอวัยวะเพศชายอักเสบอาจก่อให้เกิดอาการคันอวัยวะเพศชายได้ โดยสาเหตุมักเกิดจากการติดเชื้อราหรือแบคทีเรีย การไม่รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศชาย อาการแพ้ หรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณอวัยวะเพศชาย โดยอาการของปลายอวัยวะเพศชายอักเสบอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่มักมีอาการเจ็บ บวม แดง และคันอวัยวะเพศชาย บางรายอาจมีอาการปัสสาวะแล้วแสบร่วมด้วย
7. ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)
ท่อปัสสาวะอักเสบ คืออาการอักเสบของท่อที่ลำเลียงปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะออกสู่ภายนอกร่างกาย โดยท่อปัสสาวะอักเสบมักมีสาเหตุจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น แสบหรือคันบริเวณปลายอวัยวะเพศชาย ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด มีเลือดปนในปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ
8. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted diseases)
อาการคันอวัยวะเพศชายอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อหรือเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยตัวอย่างของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดอาการคันอวัยวะเพศชาย เช่น
- โรคโลน โลนเป็นแมลงขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ในขนหรือผิวหนังบริเวณเนินหัวหน่าว การติดโลนจากการมีเพศสัมพันธ์อาจก่อให้เกิดอาการคันที่อวัยวะเพศชายได้
- โรคหิด หิดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากไร ซึ่งอาจก่อให้เกิดผื่นตุ่มนูนแดงและอาการคันอย่างรุนแรง
- โรคหูดหงอนไก่ หูดหงอนไก่สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) โดยหูดหงอนไก่อาจก่อให้เกิดติ่งเนื้อสีน้ำตาลหรือชมพู บวม คันบริเวณอวัยวะเพศชาย โดยเฉพาะบริเวณปลายองคชาต ถุงอัณฑะ หรือรูทวาร
- โรคเริม เริมสามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสอวัยวะเพศหรือน้ำลายของผู้ที่มีเชื้อเริม โดยเริมอาจก่อให้เกิดอาการคัน เจ็บ มีตุ่มน้ำเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศชาย และอาจมีอาการต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณขาหนีบได้
- โรคหนองใน หนองในเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการคันอวัยวะเพศชายและรูทวาร นอกจากนี้อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะแสบขัด ถุงอัณฑะเจ็บและบวม มีของเหลวสีเหลืองหรือขาวไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบโต
- การติดเชื้อคลาไมเดีย การติดเชื้อชนิดนี้อาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น มีของเหลวสีใสหรือสีขุ่นไหลออกจากปลายอวัยวะเพศชาย แสบและคันรอบ ๆ ปลายอวัยวะเพศ ถุงอัณฑะปวดและบวม
วิธีรับมืออาการคันอวัยวะเพศชายอย่างเหมาะสม
การรักษาอาการคันอวัยวะเพศชายมักขึ้นอยู่กับสาเหตุ ดังนั้น การรู้สาเหตุของอาการคันอวัยวะเพศชายจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตาม การรับมืออาการคันอวัยวะเพศชายเบื้องต้นอาจช่วยบรรเทาอาการคันให้ดีขึ้น ซึ่งวิธีการรับมืออาจทำได้ดังนี้
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศชาย โดยเฉพาะบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น และเช็ดให้แห้งทุกครั้งหลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว
- ประคบเย็นบริเวณที่เกิดอาการคัน การประคบเย็นอาจช่วยบรรเทาอาการอักเสบ คัน และระคายเคือง โดยควรห่อด้วยผ้าสะอาดก่อนประคบเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังได้รับความเย็นมากเกินไป
- ใส่เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป และควรเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวันเพื่อความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองอวัยวะเพศชายหรืออาการแพ้ เช่น สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม อาจช่วยให้อาการคันดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการเกา เพราะการเกามากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผล และเพิ่มโอกาสการติดเชื้อทางผิวหนังได้
- ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ขณะมีอาการคันอวัยวะเพศชายจนกว่าอาการจะดีขึ้น เพราะกิจกรรมดังกล่าวอาจส่งผลให้อาการคันรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้ หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วแต่อาการคันอวัยวะเพศชายยังคงไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา โดยประเภทหรือชนิดของยาที่ใช้มักขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการคันอวัยวะเพศชาย เช่น
- ยาปฏิชีวนะ การใช้ยาปฏิชีวนะเหมาะสำหรับการรักษาอาการคันที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง
- ยาต้านเชื้อรา การใช้ยาต้านเชื้อราเหมาะสำหรับการรักษาการติดเชื้อรา รวมไปถึงโรคติดเชื้อราที่อวัยวะเพศชาย
- ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮิสตามีน การใช้ยาชนิดนี้อาจช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองอวัยวะเพศชายที่เกิดจากอาการแพ้ได้
- สเตียรอยด์ชนิดครีมและไฮโดรคอร์ติโซน ยาชนิดนี้อาจช่วยลดอาการคัน แดงหรืออักเสบบริเวณอวัยวะเพศชายได้
อย่างไรก็ตาม หากอาการคันอวัยวะเพศชายยังคงไม่ดีขึ้น มีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงการที่อาการคันรุนแรงขึ้น และมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อวัยวะเพศชายบวม มีของเหลวไหลออกจากปลายองคชาต มีตุ่มพองบนผิวหนัง รู้สึกแสบหรือเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะขณะปัสสาวะ ควรไปพบแพทย์ทันที โดยแพทย์อาจแนะนำการรักษาที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้อาการคันอวัยวะเพศชายดีขึ้น