นอนไม่เป็นเวลามาตั้งแต่ปีก่อน และไม่ได้นอนมาเกือบ 1 สัปดาห์ มีอาการผิดปกติต่างๆ ทางร่างกาย เป็นโรคอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ Yuiimiwa,

                      การที่นอนไม่หลับ นอนได้แค่ 2-3 ชั่วโมงในช่วงกลางคืน แต่ไปนอนในช่วงกลางวันแทน ย่อมทำให้นาฬิกาชีวิตในร่างกายเราเสียสมดุลไป ทำให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกายต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น ปวดหัว เบื่ออาหาร ท้องผูก และอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหาร มะเร็ง รวมถึงความผิดปกติทางจิตใจด้วย 

                      ดังนั้น ในเบื้องต้น ควรพยายามนอนหลับในช่วงกลางคืนให้ได้นานอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง สำหรับการงีบหลับในช่วงกลางวัน ควรใช้เวลาเพียงสั้นๆ เช่น 15-30 นาที ไม่ควรนานเกิน 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้มีผลต่อการนอนในช่วงกลางคืน และควรให้เข้านอนให้ตรงเวลาทุกวัน เข้านอนหลัง 2 ทุ่มไปแล้ว ไม่ควรนอนตั้งแต่ตอนบ่ายหรือตอนเย็น นอกจากนี้ ก็ให้ปรับปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่อาจรบกวนการนอน เช่น ควรทำให้ห้องนอนมืด โดยการปิดไฟก่อนนอน ปิดเสียงต่างๆ ที่อาจรบกวนการนอน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และควรงดเล่นอุปกรณ์มือถือ สมาร์ทโฟน เวลา 30 นาทีก่อนเข้านอน เพราะอุปกรณ์มือถือ สมาร์ทโฟน มีผลทำให้หลับยาก เพราะแสงสีฟ้าจากจอ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ายังไม่มืด และหลั่งสารเมลาโทนิน ทำให้หลับยาก และเราได้รับข้อมูลเข้ามาตลอดเวลา ทำให้สมองไม่ได้พักผ่อน และนอนหลับไม่ดี ไม่อ่านหนังสือหรือรับฟังข่าวสารต่างๆ ที่เครียดเกินไป เมื่อจะนอนแล้ว ให้หยุดคิดเรื่องที่เครียด กังวลใจ โดยอาจทำสมาธิ ฟังเพลงสบายๆ อ่านหนังสือธรรมะ สวดมนต์ตามแต่ละศาสนา นอกจากนี้ในระหว่างวัน ควรงดการดื่มชา กาแฟ โกโก้ และแอลกอฮอล์ ไม่ทานอาหารอิ่มเกินไปก่อนนอน ไม่ควรดื่มน้ำมากๆ หลังอาหารเย็น เพราะจะทำให้ตื่นมาปัสสาวะ และขัดจังหวะการนอน เป็นต้น

                หากยังไม่สามารถนอนหลับในช่วงกลางคืนได้ ก็ควรทานยาที่ช่วยนอนหลับที่ได้จากจิตแพทย์มาค่ะ

                สำหรับอาการใจสั่น เหงื่อแตก เหมือนจะตายที่เกิดขึ้นทันทีทันใด โดยไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรมากระตุ้น น่าจะเกิดจากการเป็นแพนิค (โรคตื่นตระหนกได้) ซึ่งการที่มีปัญหาในการนอนหลับต่อเนื่องมา อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการได้ ดังนั้น ก็ควรพยายามนอนให้เป็นเวลา นอนหลับในช่วงกลางคืนให้ได้ยาวนานเสียก่อน อาการที่เคยเป็นดังกล่าว ก็น่าจะไม่เกิดอีก แต่หากยังคงเกิดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ ก็ควรกลับไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษาค่ะ

                  ส่วนเรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากไม่ได้มีอาการปัสสาวะที่ผิดปกติแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแล้ว แต่หากยังคงมีอาการหลายๆ อย่างร่วมกันคือ ทั้งปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะขุ่น เจ็บขณะปัสสาวะ ปัสสาวะมีเลือดปน จึงจะถือว่าผิดปกติ และควรกลับไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ

                  ส่วนเยื่อขาวๆ ที่ติดมากับอุจจาระ คือมูกที่ถูกผลิตมาจากเยื่อบุผิวลำไส้ ไม่ได้ถือว่าผิดปกติอะไร ซึ่งหากยังคงอุจจาระเป็นก้อน ไม่ได้อุจจาระออกมาเป็นมูกทั้งหมด หรือมีเลือดปนออกมา ไม่ได้มีน้ำหนักลงเร็ว และยังทานอาหารได้ปกติ ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไรค่ะ