ถามแพทย์

  • คุณหมอวินิจฉัยว่าคุณยายเป็นมะเร็งท่อน้ำดี สามารถผ่าตัดได้มั้ยคะ

  •  Sunisa Wisuttawanich
    สมาชิก

    สวัสดีคะคุณหมอ หนูอยากขอรบกวนคุณหมอนะคะ คือว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วคุณยายของหนูมีอาการแน่นท้อง ยายบอกว่าเสียดที่ท้อง ท้องอืด และมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง แต่ไม่มีไข้ คุณหมอได้เจาะเลือดพบว่าค่าตับสูง และเอกซเรย์พบว่ามีจุดเล็กๆ บริเวณขอบตับ คุณหมอลงความเห็นว่าเป็นมะเร็งท่อน้ำดี ระยะที่ 4 และได้สั่งเอกซเรย์ปอด ผลออกมาคุณหมอคิดว่ามะเร็งน่าจะแพร่กระจายไปที่ปอดแต่ยังไม่แน่ชัด ตอนนี้ยายหนูกลับมาพักที่บ้านแล้วคะ ท่านอายุ 81 แล้ว หนูควรพาท่านไปเช็คให้แน่นอนมั้ยคะว่าที่คุณหมอสงสัยว่ามะเร็งแพร่ไปยังปอด มันใข่มะเร็งจริงมั้ย แล้วถ้าผลออกมาที่ปอดไม่ใช่มะเร็ง ตรงท่อน้ำดีจะสามารถผ่าตัดได้มั้ยคะ ยายหนูจะมีสิทธิหายมั้ยคะ หนูรบกวนคุณหมอช่วยตอบด้วยนะคะ ไม่รู้จะทำยังกันต่อแล้วคะ และอีกอย่างคือ ตอนนี้คุณยายไม่รู้ว่าเป็นมะเร็งคะ กลัวท่านรับไม่ได้ค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Sunisa Wisuttawanich,

                       การจะวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งของอวัยวะใดและเป็นชนิดใดที่แน่ชัดนั้น ต้องอาศัยการเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยวิธีการทางพยาธิวิทยาค่ะ (pathological diagnosis)

                       แต่ในบางครั้งด้วยข้อจำกัดของผู้ป่วย เช่น อายุมาก มีโรคประจำตัวหลายโรค และข้อจำกัดของอวัยวะ เช่น ตับบางตำแหน่ง ตับอ่อน อาจทำให้ไม่สามาiถตัดเอาชิ้นเนื้อจากอวัยวะไปตรวจได้ ดังนั้นการวินิจฉัยก็จำเป็นต้องอาศัยประวัติ อาการแสดง และการตรวจเพิ่มเติมทั้งจากการเจาะเลือด และเอ๊กซเรย์ชนิดต่างๆ ประกอบกัน และให้การวินิจฉัยโรคที่น่าจะเป็นมากที่สุด

                     ดังนั้นหาก แนะนำให้ปรึกษากับคุณหมอ ถึงความเป็นไปได้ในการเจาะเอาชิ้นเนื้อไปวินิจฉัยค่ะ หากไม่สามารถทำได้ การวินิจฉัยก็ต้องอาศัยผลจากเอ๊กเรย์ต่างๆ และการเจาะเลือดค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ หากผลที่ออกมาบ่งชี้ว่าน่าจะเป็นมะเร็ง โอกาสที่จะเป็นโรคอื่นก็น้อยค่ะ

                    มะเร็งในตับนั้น มีทั้งมะเร็งของเซลล์ตับ มะเร็งของท่อน้ำดี และมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในตับ หากเป็นระยะที่ 4 คือมีการกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ แล้ว การผ่าตัดรักษาส่วนใหญ่จะไม่สามารภทำได้ และไม่ได้ช่วยให้การพยากรณ์ของโรคดีขึ้น การรักษาจะอาศัยยาเคมีบำบัดหรืออาศัยแค่การรักษาประคับประคองตามอาการเท่านั้นค่ะ สำหรับโอกาสหายขาดนั้นมีค่อนข้างน้อยมากค่ะ อย่างไรก็ตามคุณยายสามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน หากมีกำลังใจในการใช้ชีวิตจากทั้งตัวเองและคนรอบข้างที่คอยดูแลและให้กำลังใจคุณยายค่ะ 

                      หากเป็นไปได้ คุณยายควรจะได้รับทราบว่าท่านเป็นโรคอะไร จะได้ดูแลร่วมกันได้อย่างเข้าใจกันค่ะ แม้เราจะไม่บอกท่าน แต่บางทีท่านอาจะพอทราบอยู่แล้วก็ได้ค่ะ เนื่องจากผู้ที่เป็นคนป่วย ย่อมเป็นผู้รู้อาการของร่างกายตนเองมากที่สุดค่ะ