อายุ 19 ปี 2 วันก่อนท้องผูก และถ่ายมีเลือดสดไหล มียาตัวไหนรักษาได้บ้าง

สวัสดีค่ะ คุณ mildgg,

                      สาเหตุของถ่ายอุจจาระเป็นเลือด  อาจเกิดจากก

                1. ริดสีดวงทวาร เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดดำที่ทวารหนัก เมื่อออกแรงเบ่ง หรือหากมีอุจจาระที่แข็ง อุจจาระก็จะไปครูดกับหลอดเลือด หลอดเลือดก็จะแตกออกทำให้มีเลือดออก โดยจะเป็นเลือดสีแดงสดหยดออกมาพร้อมกับอุจจาระหรือหลังถ่ายอุจจาระ บางรายเลือดอาจมีปริมาณมากได้ 

                  ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวง ได้แก่การมีท้องผูกเป็นประจำ การเบ่งถ่าย การนั่งถ่ายอุจจาระนาน หรือมีท้องเสียบ่อย ท้องเสียเรื้อรัง ใช้ยาสวนบ่อย น้ำหนักตัวมาก อายุที่มากขึ้น เป็นต้น

                        2. แผลปริขอบทวารหนัก หากก้อนอุจจาระเป็นก้อนใหญ่ หรือแข็ง ต้องออกแรงเบ่งมาก ก้อนอุจจาระอาจไปครูดกับเยื่อบุของทวารหนัก ทำให้เกิดเป็นแผล ซึ่งมักมีเลือดสีแดงสดติดออกมากับก้อนอุจจาระหรือติดกระดาษที่ใช้เช็ดก้น มักมีอาการปวดหรือเจ็บรูทวารหนักร่วมด้วย

                ส่วนสาเหตุอื่นๆ นั้นพบได้น้อย และต้องมีอาการอื่นๆมากกว่านี้ร่วมด้วย เช่น ทวารหนักและไส้ตรงอักเสบ ลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง ถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ ภาวะลำไส้ขาดเลือด มีเลือดออกจากหลอดอาหารหรือกระเพาะอาหารที่มีแผลหรือเส้นเลือดโป่งพอง มีติ่งเนื้อหรือก้อนเนื้อในลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

                 ในเบื้องต้น ต้องพยายามอย่าให้ท้องผูก และให้ก้อนอุจจาระนิ่มโดยการดื่มน้ำเปล่ามากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เน้นทานผักและผลไม้สด อาจทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นไฟเบอร์ร่วมด้วย หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอออล์ ไม่กลั้นหรือเบ่งถ่ายอุจจาระ ฝึกถ่ายให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่านั่งเป็นเวลานานๆ ให้เปลี่ยนอิริยาบทสลับการเดินบ่อยๆ เป็นต้น

                  หากลักษณะอาการเข้ากันได้กับริดสีดวงทวาร ยาที่ใช้รักษา ได้แก่

               - ยาเหน็บ เช่น พรอกโตซดิล (proctosedyl), โดพรอก (doproct) ควรแช่ยาในตู้เย็น ในช่วงแรกให้เหน็บวันละ 2 ครั้ง เช้า และเย็น เมื่ออาการดีขึ้นให้เหน็บวันละครั้ง ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกิน 3 สัปดาห์เนื่องจากยามีส่วนผสมของสเตียรอยด์

               - ยาทาน เช่น แดฟลอน (daflon) ให้ทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้งนาน 4 วัน หลังจากนั้นทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง นาน 3 วัน

               หากได้ปฏิบัติตัวและทานยาหรือเหน็บยาตามดังกล่าวแล้ว ยังคงถ่ายมีเลือดปน ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอื่นๆค่ะ หรือหากอาการไม่ได้มีลักษณะของโรคริดสีดวงดังที่กล่าวไป ควรไปพบแพทย์ค่ะ