มีรักแร้บวมข้างเดียว และปวดแสบหลังเมื่อนั่งนาน เสี่ยงเป็นมะเร็งไหมค่ะ?

สวัสดีค่ะ คุณ Anny,

                  อาการรักแร้บวมข้างเดียว อาจเกิดจาก

                 1. กล้ามเนื้อบริเวณรักแร้อักเสบจากการใช้งานมากหรือผิดท่า

                 2. ชั้นของเนื่อเยื่อไขมันหนาตัวขึ้น จากการมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

                 3. ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การมีแผลติดเชื้อที่บริเวณมือหรือแขน โรคแมวข่วน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านมที่กระจายมาที่ต่อมน้ำเหลือง มะเร็งของเซลล์เม็ดสีที่กระจายมาที่ต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น

                 4. ก้อนเนื้องอกต่างๆ ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น ก้อนไขมัน ก้อนซีสต์       

                 สำหรับอาการปวดหลัง ส่วนใหญ่มักเกิดจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ จากการใช้งานมากเกินไป หรือใช้งานผิดท่า เช่น การนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน การยืนที่ผิดท่าเป็นเวลานาน ทำงานก้มๆ เงยๆ ตลอดเวลา ใส่รองเท้าส้นสูงมากไป หรือจากการยกของหนัก อาการมักจะเป็นการปวดแบบระบม ปวดแบบตุบ ๆ มีจุดที่กดเจ็บ และบริเวณที่ปวดอาจบวมได้
            ในเบื้องต้น ให้ลองคลำที่รักแร้ 2 ข้างเพื่อเปรียบเทียบกัน หากคลำได้ว่ามีก้อนที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับอีกข้างที่ไม่มี แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ แต่หากคลำไม่ได้ก้อนที่ชัดเจน อาจเกิดจากการอักเสบของกล้าเนื้อที่มี่สาเหตุเดียวกับที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังค่ะ

             ให้ลองปรับท่านั่งทำงานให้ถูกต้อง โดยให้นั่งหลังตรงแบบสบายๆ  ไม่เกร็ง หลังต้องไม่งอ ไม่ห่อไหล่ ไม่นั่งแอ่นหนัง ไม่ยกไหล่ขึ้น ไม่เกร็งหัวไหล่  หากมีพนังพิง ให้พิงพนักเก้าอี้โดยให้แผ่นหลังแนบพอดี ลำตัวตั้งตรง ทิ้งน้ำหนักตัวลงบริเวณก้นและสะโพกทั้งสองข้างให้เท่ากัน ไม่เอียงตัวซ้าย หรือขวาด้านใดด้านหนึ่ง ช่วงขาตั้งฉากกับพื้น ทิ้งน้ำหนักลงฝ่าเท้าทั้งสองข้างแ และควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ

             หากปวดมากอาจใช้ยานวด หรือทานยาแก้ปวดและลดอักเสบ เช่น ไดโคลฟีแนค (diclofenac), ไพรอกซิแคม (piroxicam) ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ค่ะ