ไม่ทราบว่าเป็นไมเกรนหรือเปล่า วันแรกแสบตา ปวดตา วันที่ 2 ปวดหัวข้างซ้าย ปวดแบบตุ้บๆ วันที่ 3 ปวดที่ไหล่ ไปหาหมอมาแล้ว

สวัสดีค่ะ คุณ Zen,

         อาการปวดศีรษะข้างเดียว อาจเกิดจากสาเหตุดังนี้

       - ปวดศีรษะไมเกรน เป็นโรคปวดศีรษะที่อาการจะเป็นๆ หายๆ โดยในช่วง 1-2 วันแรกก่อนจะปวดศรีษะ อาจมีอาการบอกเหตุ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ มีความอยากอาหารมากขึ้น กระหายน้ำและปัสสาวะบ่อยขึ้น หาวบ่อย ท้องผูก ต่อมาจึงเข้าสู่ระยะอาการนำหรืออาการเตือน (aura) เช่น  มองเห็นแสงกระพริบ ๆ สายตาพร่ามัว มองเห็นรูปภาพเป็นรูปทรงต่าง ๆ ผิดขนาด แสงซิกแซก เห็นจุดแสงวาบ มองเห็นเป็นเส้นคลื่น บางคนอาจมีอาการพูดลำบาก กล้ามเนื้อคล้าย ๆ จะอ่อนแรง รู้สึกชาที่มือหรือเท้าอาการอาจเป็นอยู่ไม่กี่นาทีหรือนานเป็นชั่วโมงก็ได้  ต่อมาจึงเข้าสู่ระยะปวดศรีษะ โดยมักปวดข้างเดียว แต่อาจปวด 2 ข้างก็ได้ ลักษณะปวดเป้นตุ้บๆ การมีแสงจ้า หรือเสียงดังจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้น อาจมีอาการเวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย อาการปวดจะเป็นนานได้ตั้งแต่ 4 จนถึง 72 ชั่วโมง หลังจากหายปวดศีรษะ อาจมีอาการตามหลังได้ เช่น มีอาการมึนงง เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นต้น

          - ปวดศีรษะคลัสเตอร์ เป็นโรคปวดศรีษะที่อาการจะเป็นๆ หายๆ เช่นกัน โดยอาการปวดจะเกิดขึ้นในเวลาเดิมๆ ปวดเป็นชุดๆ ระยะเวลาที่ปวดแต่ละครั้งจะประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วหายไปเอง มักเกิดอาการปวดนี้ติดต่อกันประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจนานเป็นเดือน ช่วงเวลาที่ปวดมักเป็นช่วง 7-10 โมงเช้าและ 2-4 โมงเย็น อาการปวดเป็นแบบตุ้บๆ เกิดขึ้นที่บริเวณขมับ เบ้าตา ด้านใด ด้านหนึ่ง ความรุนแรงจะรุนแรงมากๆ จนทรมานหรือต้องหยุดทำกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ ร่วม กับมีอาการน้ำตาไหล น้ำมูกไหล ลืมตาลำบาก กระสับกระส่าย

         - อาการปวดศีรษะร่วมกับน้ำตาไหล  (SUNCT, Short-lasting Unila tral Neuralgiform headache attacks with Conjuntival injection and Tearing) และ short-lasting unilateral neuralgiform headache attacks with cranial autonomic symptoms (SUNA) อาการปวดจะเป็นแบบปวดจากเส้นประสาทคือ เสียวแปล๊บ เหมือนมีดแทง  มักเกิดบริเวณขมับหรือรอบตา อาการปวดแต่ละครั้งจะนานตั้งแต่ 1 วินาทีจนถึง 10 นาที แต่จะเกิดขึ้นซ้ำๆ เกิน 20 ครั้งจนถึง 100 ครั้งภายใน  1 วัน อาการ่วมอื่นๆ เช่น ตาแดง น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล เปลือกตาบวม หนังตาตก เหงื่อออก เป็นต้น

          ที่กล่าวมาเป็นอาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ คือไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีอการปวดศรีษะแบบทุติยภูมิ คือเป็นผลมาจากโรคต่างๆ เช่น ไซนัสอักเสบ เป็นเนื้องอก เป็นต้น

          ดังนั้นหากคุณ Zen ยังคงมีอาการปวดศีรษะต่อเนื่อง ทานยาแก้ปวดแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้กลับไปพบแพทย์อีกครั้งนะคะ การวินิจฉัยว่าเป็นอาการปวดศีรษะที่เป็นอยู่เป็นจากโรคจากอะไร อาจทำได้ยากหากเพิ่งเป็นการปวดศีรษะแบบเรื้อรังในครั้งแรก แพทย์อาจต้องติดตามดูอาการไปซักระยะหนึ่งค่ะ