มีผื่นที่ก้นเป็นๆหายๆ คัน ทานยารักษาวัณโรคอยู่ เกิดจากแพ้ยาหรือไม่ หรือเป็นเชื้อรา

 สวัสดีค่ะ คุณ Kommyyy,

                  ผื่นจากรูปดังกล่าว  น่าจะเป็น โรคกลาก (ringworm) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อรากลุ่ม dermatophytes ที่บริเวณผิวหนัง ผม หรือเล็บ การติดเชื้อราเหล่านี้เกิดจากการไปสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรคกลาก หรือสัมผัสกับดิน ทราย ที่มีเชื้อราอยู่ หรืออาจติดมากับสัตว์ที่เป็นโรคกลากอยู่ เช่น หมา แมว สำหรับกลากที่เป็นบริเวณลำตัวรวมถึงบริเวณก้น ลักษณะจะเห็นเป็นผื่นรูปวงกลมหรือวงรีที่มีขอบเขตหยึกหยักไปมา ผื่นจะเป็นแบบยกนูนขึ้นจากผิวหนัง และขอบของผื่นจะยกนูนสูงกว่าตรงกลางของผื่น ผื่นมีสีแดงและมีขุยสีขาวๆ ปกคลุม

             นอกจากนี้แล้ว ผื่นดังกล่าว ยังอาจเกิดได้จาก

            - การระคายเคืองจากสารเคมีต่างๆ ทั้งจากสบู่ ครีม โลชั่น น้ำหอม ที่นำมาทาผิว  หรือผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่มที่นำมาใช้กับกางเกงหรือกางเกงชั้นใน เป็นต้น

            - โรคผิวหนังอักเสบชนิดต่างๆ แต่มักมีผื่นที่บริเวณอื่นๆ ร่วมด้วย

            สำหรับผื่นแพ้ยา มักเกิดขึ้นหลังจากทานยาภายในไม่กี่ชัวโมงหรืออาจนานเป็นสัปดาห์ ขึ้นกับชนิดของปฏิกิริยาการแพ้ ดังนั้นหากทานยารักษาวัณโรคมานานแล้ว เพิ่งเกิดเป็นผื่นขึ้นมา ก็ไม่น่าใช่ผื่นแพ้ยาค่ะ 

              วิธีการตรวจว่าผื่นที่เป็นอยู่ใช่โรคกลากหรือไม่ ทำได้โดยการขูดเอาเซลล์ผิวหนังไปตรวจหาเชื้อค่ะ

              สำหรับการรักษาโรคกลาก คือการทายาฆ่าเชื้อรา เช่น ketoconazole, coltrimazole โดยอาจต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อาจนานถึง 8 สัปดาห์ ร่วมไปกับการดูแลสุขอนามัยอื่นๆ ได้แก่ การระวังอย่าให้ผิวหนังเปียกชื้นหรือไม่สัมผัสน้ำบ่อยๆป้องกันการแพร่เชื้อไปยังบุคคลใกล้ชิดโดยแยกเสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้า หมวก และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ ซักทำความสะอาดตากแดดให้แห้งทุกครั้ง และควรแยกที่นอน หมอนและหมอนข้างจากคนอื่น หมั่นนำเบาะนอน หมอน ตากแดดบ่อยๆ เป็นต้น