มีน้ำมูก คัดจมูก จาม ปวดหัว โดยเฉพาะช่วงก่อนสอบ เป็นเดือนละ 2-3 ครั้งมาปีกว่าแล้ว เป็นอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ BL Lov,

                 อาการมีน้ำมูกไหล คัดจมูก จาม ปวดหัว อาจเป็นอาการของ

                1. ไข้หวัด ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสได้หลายชนิด นอกจากอาการคัดจมูก มีน้ำมูก จามแล้ว อาจมีอาการอื่นๆ เช่น ไอ มีเสมหะ เสียงแหบ มีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว เป็นต้น แต่อาการเหล่านี้มักจะหายไปได้เองใน 1-2 สัปดาห์

                2. โรคภูมิแพ้ ชนิดแพ้อากาศ (allergic rhinitis) จากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่างๆ นอกจากอาการข้างต้นแล้ว อาจมีอาการคันตา คันจมูก เพดานปาก และลำคอร่วมด้วย อาการของโรคภูมิแพ้มักจะเป็นเรื้อรังและกำเริบเป็นๆ หายๆ มีช่วงที่ดีขึ้นสลับกับช่วงอาการกำเริบ

                  ทั้งนี้ สารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นต้นเหตุจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ได้แก่ ขนนก นุ่น ฝ้าย ฝุ่นตามบ้านหรือถนน เชื้อราต่างๆ สัตว์เลี้ยงต่างๆ ทั้ง สุนัข แมว หนู กระต่าย เกสรดอกไม้ ดอกหญ้า ไรฝุ่น แมลงสาบ และแมลงต่างๆ วัสุดเฟอร์นิเจอร์ เช่น ใยมะพร้าว เป็นต้น นอกจากนี้ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้ด้วย  

                  ดังนั้น หากเป็นแบบเรื้อรังมาเป็นปี เป็นๆ หายๆ สาเหตุก็น่าจะเกิดจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งหากในช่วงนี้มีเครียดเรื่องเรียน ก็จะกระตุ้นให้อาการเป็นมากขึ้นได้

                   ในเบื้องต้น ต้องพยายามหาสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการและพยายามหลีกเลี่ยง ซึ่งรวมถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียดในเรื่องต่างๆ ลง หากมีอาการคัดจมูกมาก อาจทานยาลดอาการคัดจมูก เช่น pseudoephedrine, phenylephrine หรือใช้ยาลดอาการคัดจมูกแบบพ่นหรือหยด เช่น oxymetazoline เป็นต้น หากมีน้ำมูกมาก อาจใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หากอาการเป็นต่อเนื่อง ก็อาจทานยาในกลุ่ม antihistamine เช่น cetirizine (เซทิริซีน), chlorpheniramine (CPM), loratadine (ลอราทาดีน) หลีกเลี่ยงการโดนอากาศเย็น ไม่ดื่มน้ำเย็น หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ และหากอยู่ในที่ที่มีฝุ่นละอองมาก ก็ควรใส่หน้ากากที่ป้องกันฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอนไว้ด้วยค่ะ 

                  นอกจากนี้ ก็ควรเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เพื่อช่วยลดการกำเริบของอาการ เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะเน้นทานผักและผลไม้ หลีกเลี่ยงของหวาน อาหารที่มีไขมันสูง และแป้งแปรรูปต่างๆ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น