ถามแพทย์

  • ไปต่างประเทศ มีอาการแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะมีเลือดปน จะทานยา norxacin ได้ไหม จะมีผลกับยาคุมไหม

  •  mirin
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ พอดีช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองมีอาการปวดแสบเวลาปัสาวะและมีเลือดจางๆปนอยู่ ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ทุกครั้งที่ปัสสาวะจะมีอาการแสบทุกครั้ง พึ่งมีอาการวันนี้วันแรกค่ะ ตอนนี้อาศัยอยู่ต่างประเทศพอจะมียามาจากไทย ชื่อ Norxacin 400 mg เค้าระบุว่ารักษาโรคกระเพราะปัสสาวะอักเสบได้ โดยทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร 1 ชม เช้า เย็น ดิฉันสามารถทานยานี้เพื่อรักษาอาการตามใบกำกับยาได้มั้ยคะ อีกอย่างหนึ่งคือตอนนี้ดิฉันทานยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ดอยู่ไม่ทราบว่ามันจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมั้ยคะ ในกรณีนี้ดิฉันต้องทำอย่างไรคะ เพราะการไปหาหมอที่นี่ค่อนข้างแพงและติดขัดเรื่องการสื่อสารด้านภาษามากเลยค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ mirin,

                      อาการแสบขณะปัสสาวะปัสสาวะ ปัสสาวะมีเลือดปน ปัสสาวะบ่อย น่าจะเป็นอาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง ซึ่งนอกจากอาการข้างต้นแล้ว อาจมีปัสสาวะขุ่น ปัสสาวะไม่สุดร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุของเชื้อ ได้แก่

                     - เชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ มักเกิดตามหลังการกลั้นปัสสาวะหรือดื่มน้ำน้อย รวมถึงหลังการมีเพศสัมพันธ์ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยในผู้ที่มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ มีเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ หรือมีก้อนเนื้องอกที่มดลูกโตจนมาเบียดกระเพาะปัสสาวะ 

                    - เชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม เริม ซึ่งนอกจากอาการปัสสาวะที่ผิดปกติแล้ว จะมีตกขาวที่ผิดปกติ และอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย รวมถึงอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

                      ในเบื้องต้นแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับแบคทีเรียออกมา หลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ ไม่กลั้นปัสสาวะ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนชั่วคราว 

                       สำหรับยา Norxacin คือตัวยา norfloxacin ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่จัดอยู่ในกลุ่มยาควิโนโลน (Quinolone) สามารถนำมาใช้รักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียได้ ดังนั้น หากไม่ได้มีการแพ้ยาในกลุ่มนี้  สามารถที่จะทานได้ โดยให้ทานขนาด 400 mg ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้งติดต่อกัน 3 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ

                       สำหรับกระบวนการเมตาบอลิซึมของยา norfloxacin จะมีฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์ CYP1A2  ซึ่งเป็นเอนไซม์คนละตัวกับที่ใช้ในกระบวนการเมตาบอลิซึมฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่อยู่ในยาคุมกำเนิด ( ซึ่งใช้เอนไซม์ CYP3A4) ดังนั้น ยาฟล็อกซิเมดจึงไม่มีผลไปลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลงแต่อย่างใด สามารถที่จะทานร่วมกันได้ค่ะ