-
อาการเหมือนไฟดูดที่เท้า เป็นอันตรายไหมครับ
-
Oct 29, 2017 at 10:16 AM
สวัสดีครับคุณหมอ ผมมีเรื่องขอเรียนปรึกษาครับ เรื่องอาจจะยาวสักหน่อยแต่เพื่อเป็นข้อมูลให้คุณหมอได้วินิจฉัยได้สะดวกที่สุดครับ ผมเคยตกจากจักรยานในท่านั่งเมื่อปี2553 (ลื่นหิมะที่เป็นน้ำแข็งในตอนกลางคืนแต่ละลายในตอนกลางวัน) ตอนนั้นมึนมากไม่สามารถทรงตัวได้ทันที ใช้เวลาราว24ชม. เพื่อให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ ต่อมาในปี2558 ผมเริ่มออกกำลังกายแบดมินตันและเริ่มเสพย์ติด มีการเล่นที่หนักขึ้นวันละ2-4 ชั่วโมง สัปดาห์ละเฉลี่ย3-4 วัน ประกอบกับมีการนั่งขับรถเป็นเวลา1-2 ชั่วโมงต่อเนื่องเป็นประจำ จนกระทั่งกลางปี2559 ผมมีอาการปวดเอวจากน้อยจนกระทั่งมาก โดยคิดว่าเล่นกีฬาไม่พอจึงออกกำลังกายให้มากขึ้นอีก จนถึงเดือนกรกฎาคม ผมไปหาหมอ หมอฉีดยาคลายกล้ามเนื้อที่เอวเข้ากล้ามเนื้อทั้งสองข้าง อาการปวดกล้ามเนื้อหายไป แต่มีติดๆขัดๆที่เอวด้านขวา(ไม่ได้แจ้งหมอ) แล้วก็กลับไปเล่นแบดมินตันอีก สุดท้ายจนถึงปลายเดือนสิงหาคม2560 ผมเจ็บขาขวาจนขับรถไม่ได้ ต้องตะแคงตัวเพื่อขับรถ เจ็บมากระดับ9.5/10 ขอลำดับการพบแพทย์ไปดังต่อไปนี้นะครับ 1. ปลายสิงหาคม ได้รับคำวินิจฉัยว่ากล้ามเนื้ออักเสบ ได้ยาperskindolมาพ่น กับ นอเจลสิค มาทานเพื่อคลายกล้ามเนื้อ เป็นเวลา1 สัปดาห์ ก็ไม่ดีขึ้น ปวดมากตั้งแต่ต้นขาด้านหลังลงมาจนน่องด้านหลังแต่ไม่ลงเท้า เดินลำบาก 2. ต้นกันยายน ได้รับคำวินิจฉัยว่าหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท (นอนยกขาขวาได้ราว30 องศา+ big toe test พบว่านิ้วเท้าขวาอ่อนแรง) ตอนนั้นหมอฉีดยาสเตียรอยเข้าเส้นและได้ยามาหลากหลาย เช่น Arcoxia prednisolone lyriga gabapentin VitBรวม อาการดีขึ้นครับ แต่เดินเป๋มาก 3. ประมาณ20 กันยายน ผมเปลี่ยนแนวรักษา หมอใหม่ให้หยุดยาทั้งหมดและสั่งเอกเรย์(ปกติ) เจอความพิการแต่กำเนิด กระดูกS1 ไม่ชนเชื่อมกันแต่ลอยมาเกือบชนกัน และพบระยะห่างL5-S1 แคบกว่าช่องอื่น(ผมคาดว่าราว50%) หมอให้ทำกายภาพบำบัด โดยดึงเอวเพื่อเพิ่มระยะช่องหมอนรองให้กลับมากว้างขึ้น ผมทำอยู่ราว15 ครั้ง อาการดีขึ้นมากกว่า50% ครับ อาการปวดต้นขาลดน้อยลงจนแทบจะมีบ้างเล็กน้อย อาการปวดน่องลดลงราว60% มีปวดระดับ8/10 บ้างแต่ไม่บ่อยนัก 4. เกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเดินทางต่างประเทศ8 วัน(มีปวดระหว่างนี้ โดยกินนอเจลสิคครั้งละ2เม็ด อาการหายปวดครับ) ต้องเดินและยกกระเป๋าไปมา กลับมาปวดอีกครั้งแต่ก็ไปทำกายภาพต่อ 3 ครั้ง อาการปวดลดลงแต่ยังมีระดับ 7-8/10 อยู่บ้าง แต่ไม่บ่อย แต่ดันมีอาการเหมือนไฟดูดเท้าอยู่ค่อนข้างบ่อย มันเป็นยิ้บๆๆๆอยู่ที่ปลายเท้าครับ ยืนสักพักจึงจะหายไป มีความกังวลจึงขอเขียนมาถามคุณหมอเพื่อทำความเข้าใจร่างกายเพื่อรักษาตัวเองต่อไปครับ สอบถามครับ 1. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากายภาพพอดีกับอาการเราแล้ว น้อยไป/มากไปจะแสดงอาการเป็นอย่างไรครับ 2. นับจากเกิดอาการปวดเมื่อปลายสิงหา60 ตอนนี้ป่วยมาราว2 เดือนเต็มแล้ว (แต่กายภาพมาประมาณ3 สัปดาห์) อาการดีขึ้น คิดว่า60-70% ถือว่าปกติไหมครับ และนานเท่าไหร่จึงสามารถหายได้ครับ 3. ลำดับขั้นของอาการที่ดีขึ้นจะเป็นอย่างไรครับ ผมมีอาการเหมือนไฟดูดที่เท้า มันเป็นยิ้บๆๆๆ ผมกังวลมากครับ ผมอาการทรุดไหมครับ 4. ผมควรซื้อเตียงกลับหัว (inversion table) มาใช้ไหมครับ ราคาอยู่ในช่วงหก-แปดพันบาท แต่ค่ากายภาพครั้งละ580 บาท โดยจะดึงเอวถ่วงตุ้มน้ำหนัก1ชั่วโมง+ Ultrasound10นาที + เนิฟ10 นาที+ กระตุ้นไฟฟ้าซ่าๆกับตุ้บๆ10 นาทีโดยประมาณครับ 5. ผมควรหาวิตตามินBรวมมากินเพิ่มไหมครับ (เคยกิน re B forte ครับ) ขอรบกวนปรึกษาคุณหมอด้วยนะครับ ด้วยความเคารพอย่างสูง เชิดศักดิ์Aug 06, 2018 at 10:47 AM
สวัสดีค่ะ คุณเชิดศักดิ์
ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่เล่ารายละเอียดอาการต่างๆให้ฟังนะคะ คุณหมอขออนุญาตตอบเป็นข้อๆ ดังนี้นะคะ
1. การทำกายภาพที่พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป คือ ทำแล้วรู้สึกอาการโดยรวมดีขึ้น สบายขึ้นค่ะ อาการปวดทุเลาลง สามารถทำกิจวัตรต่างๆ ได้ใกล้เคียงปกติค่ะ ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอกายภาพค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีการประเมินก่อนและหลังทำการรักษาด้วยค่ะ
2. คุณหมอยินดีด้วยที่อาการโดยรวมดีขึ้นถึง 70% นะคะ หากอาการดีขึ้นถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีค่ะ ระยะนานเท่าไหร่จึงหายสนิทไม่สามารถบอกได้ชัดเจนค่ะ เนื่องจากแต่ละคนอาการไม่เหมือนกันและแนวทางการรักษาแตกต่างกันค่ะ แนะนำให้สอบถามรายละเอียดจากคุณหมอกายภาพที่ดูแลประจำนะคะ
3. หากอาการดีขึ้น ควรจะปวดน้อยลง เช่น จากเดิมคะนแนความปวด 9.5/10 เมื่อดีขึ้นคะแนนความปวดควรลดลงค่ะ เช่น 8, 6, 4 เป็นต้น นอกจากนั้นระยะห่างของอาการปวดควรห่างออกค่ะ และควรทำกิจวัตรต่างๆ ได้มากขึ้นตามลำดับค่ะ ส่วนอาการไฟดูดที่เท้าควรได้รับการตรวจประเมินจากคุณหมอกายภาพค่ะว่าเกิดจากสาเหตุใดค่ะ สาเหตุเกิดได้ทั้งจากปลายประสาทอักเสบ มีการกดทับเส้นประสาท เป็นต้น การรักษาจะขึ้นกับสาเหตุที่พบค่ะ
4. เรื่องเตียงลองปรึกษาคุณหมอกายภาพถึงความจำเป็นและประสิทธิภาพในการรักษาอาการค่ะ จะได้ทราบว่าจำเป็นหรือไม่ค่ะ โดยทั่วไปหากใช้แล้วดีขึ้น สามารถป้องกันอาการในอนาคตได้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ค่ะ
5. วิตามินบีรวมจะรับประทานก็ได้ค่ะ โดยจะช่วยเรื่องการนำสัญญาณระบบประสาทค่ะ แต่หากไม่รับประทานก็ไม่ได้เกิดผลเสียอะไรค่ะ ทั้งนี้ควรปรึกษาคุณหมอที่ดูแลประจำก่อนค่ะ
ขอให้อาการดีขึ้นโดยเร็วนะคะ
-
ถามแพทย์
-
อาการเหมือนไฟดูดที่เท้า เป็นอันตรายไหมครับ