ใบตรวจแจ้ง HBsAg positive >150 IU/ml จะดูแลรักษาอาการยังไง

สวัสดีค่ะ คุณ Sudaporn,

               รายละเอียดจะใช้ตามแนวทางการรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังในประเทศไทย

               หากคุณ Sudaporn เพิ่งตรวจพบ HBsAg เป็นครั้งแรก อีก 6 เดือนให้ตรวจซ้ำอีกครั้งค่ะ หากยยังตรวจพบอยู่ แปลว่ามีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังค่ะ  สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ

               1. ตรวจเลือดเพื่อประเมินดูภาวะของโรค ได้แก่ HBeAg, HBeAb, และ HBV DNA

                           สำหรับระดับของ HBsAg ไม่ได้บ่งชี้โรคของตับค่ะ

               2. ตรวจติดตามการทำงานของตับ โดยตรวจ ALT (alanine aminotranferase) ทุก 3-6 เดือน

               3. ตรวจประเมินระยะของโรคตับ ด้วยอัลตราซาวน์ หรือวัดความยืดหยุ่นตับ ด้วยเครื่อง transient elastography

             หากมีคุณสมบัติดังนี้ จะต้องได้รับการรักษา คือ

              1. หาก HBeAg เป็น negative และปริมาณ HBV DNA ในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 2000 IU/ml หรือหาก HBeAg เป็น positive ปริมาณ HBV DNA ในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 20,000 IU/ml

              2. ระดับซีรั่ม ALT มากกว่าหรือเท่ากับ 2 เท่าของค่าปกติ อย่างน้อย 2 ครั้ง ในระยะเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป

              3. ตรวจพบพังผืดในตับปานกลางถึงมาก หรือมีลักษณะทางคลินิกที่บ่งชี้ว่าเป็นตับแข็ง แม้จะตรวจพบระดับซีรั่ม ALT อยู่ในเกณฑ์ปกติ

              4. ตรวจพบระดับซีรั่ม ALT สูงกว่าปกติ แต่น้อยกว่า 2 เท่าของค่าปกติ ต้องตรวจ

                       - ตรวจพยาธิสภาพของตับด้วยการเจาะชิ้นเนื้อตับ หากพบมีพยาธิสภาพในระยะที่สมควรรักษา ก็จะต้องรักษา

                       - หรือตรวจความยืดหยุ่นของตับด้วย transient elastography หากอยู่ในเกณฑ์ต้องรักษา ก็ต้องรักษา

                5. ตรวจพบระดับซีรั่ม ALT อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่มีเกณฑ์เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง ได้แก่ เป็นผู้ชาย อายุมากกว่า 40 มีประวัติโรคตับแข็ง หรือมะเร็งตับในครอบครัว หรือตรวจร่างกายพบลักษณะทางคลินิกบ่งชี้โรคตับเรื้อรัง จะต้องทำเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์ข้อ 4

                หากมีเกณฑ์อยู่ในข้อใดข้อนึงดังกล่าวข้างต้น จะต้องตรวจหา HCV-Ab  HIV-Ab และ HAV-Ab ก่อนการรักษา สำหรับยาที่ใช้รักษามีทั้งชนิดฉีดเข้าใต้ผิหนังและยาทาน เช่น Interferon-alpha, lamivudine เป็นต้น

                 สำหรับการดูแลตนเองทั่วไป ได้แก่ การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ซื้อยาและอาหารเสริมรับประทานเอง ลดอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ เช่น ถั่วลิสง พริกแห้งที่อาจปนเปื้อนเชื้อรา เนื้อสัตว์ปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม อาหารที่อาจใส่ดินประสิว เช่น ไส้กรอก เบคอน เนื้อเค็ม ปลาเค็ม ของหมักดอง แหนม อาหารสุกๆดิบๆ เช่น ปลาร้า รวมทั้งให้คนใกล้ชิดไปตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีด้วยค่ะ