ถามแพทย์

  • แฟนเป็นเริม แล้วจูบกัน ต่อมามีอาการ หมดสงสัยติดเชื้อ EBV แล้วจะติด HIV ด้วยไหม

  •  Bibuabok
    สมาชิก
    พอดีจูบกับแฟน เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเริม เขาแค่นึกว่าตัวเองมีแผลในบริเวณปาก หลังจากจูบเขาได้วันนึงเราเริ่มมีอาการออก มาเป็นหนักสองสามวันให้หลัง หมอสงสัยอีวีบี เราเลยสงสัยว่า ถ้าการจูบเขาทำให้ติดเฮอร์ปี สามารถทำให้เราติดเฮชไอวีได้หรือไม่ เราใส่ถุงตลอด ไม่เคยคิดว่าแค่การจูบจะทำให้เป็นโรคติดต่อกันขนาดนี้

    สวัสดีค่ะ คุณ Bibuabok,

                   หากเป็นการจูบปากธรรมดา ไม่ได้ทำให้ติดเชื้อ HIV เกิดขึ้น แต่หากเป็นการจูบปากแบบใช้ลิ้นนั้น มีโอกาสที่จะติดเชื้อ HIV ได้ประมาณ 0.005% 

                   แต่หากแฟนกำลังเป็นโรคเริมอยู่ การจูบปากกันย่อมทำให้ติดเชื้อได้  โดยโรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) ซึ่งเชื้อไวรัสเริมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ชนิดที่ 1 และ เชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ชนิดที่ 2 (Herpes Simplex Virus type 2: HSV-2)

                   โดยเชื้อไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้จะก่อให้เกิดอาการ เริมที่ปาก (Herpes Simplex) และเริมที่อวัยวะเพศ (Gential Herpes) และจะติดต่อกันระหว่างคนสู่คนได้โดยผ่านทางการสัมผัสอย่างใกล้ชิด ทางน้ำลาย น้ำเหลือง หรือผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้

                    อาการของเริมที่ปาก และเริมที่อวัยวะเพศนั้นค่อนข้างคล้ายกัน โดยเริ่มแรกจะเกิดเป็นตุ่มน้ำใส รอบๆ ตุ่มน้ำมักจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย และจะมีอาการเจ็บปวดหรือแสบร่วมด้วย ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกออกเป็นแผล มีน้ำเหลืองซึม และจะตกสะเก็ดแห้งไปในที่สุด ในบางคนอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดนำมาก่อน เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว อาการจะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้วหายไปเองได้ในที่สุด

                  หากเป็นการติดเชื้อครั้งแรกอาการจะมักจะค่อนข้างรุนแรงและหายช้า แต่ถ้าหากเป็นการติดเชื้อซ้ำ อาการจะไม่รุนแรงและหายได้เร็วกว่า การใช้ยาต้านเชื้อไวรัสแบบรับประทาน เช่น Acyclovir, Valacyclovir จะทำให้โรคหายเร็วขึ้นและโอกาสการกลับเป็นซ้ำน้อยกว่า

                    ส่วนไวรัส EBV = Epstein Barr virus เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในวงศ์ (family) Herpesviridae หรือ Human Herpes Virus ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกันกับ Herpes simplex virus

                    การติดเชื้อ EBV นั้นมักติดมาทางน้ำลาย หรือจากการจูบนั่นเอง หากติดเชื้อครั้งแรกในวัยเด็ก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการใดๆ หากติดในวัยผู้ใหญ่ ประมาณ 50% จะมีอาการที่เรียกว่าโรคโมนโนนิวคลีโอสิส โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 4-6 สัปดาห์ อาการได้แก่ มีไข้สูง เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต มีจุดเลือดออกที่เพดานปาก อ่อนเพลีย ปวดหัว อาจคลำได้ตับและม้ามโต และอาจมีถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาการต่างๆ เหล่านี้มักจะหายไปได้เองใน 2 สัปดาห์ มีส่วนน้อยที่อาจกลายเป็นการติดเชื้อเริ้อรัง