ถุงยางผู้หญิง เป็นวิธีการคุมกำเนิดประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นกระบวนการยับยั้งการตกไข่ หรือขัดขวางการปฏิสนธิระหว่างไข่และอสุจิ
ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง ป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าถึงมดลูกได้จากการมีเพศสัมพันธ์ โดยการใช้ถุงยาอย่างถูกต้องก่อนการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STIs)
ถุงยางผู้หญิงทำจากอะไร
ถุงยางผู้หญิงทำจากพลาสติกที่เรียกว่าโพลียูรีเทน (Polyurethane) ซึ่งมีขนาดบาง อ่อนนุ่มและใช้ในการผลิตถุงยางอนามัย แต่ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายมักทำจากลาเทกซ์ (Latex) และผู้ที่แพ้ลาเทกซ์จะเลือกใช้ถุงยางที่ทำจากโพลียูรีเทน
ถุงยางผู้หญิงมีลักษณะคล้ายกับถุง โดยมีวงแหวน 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นปลายเปิดและอีกด้านหนึ่งเป็นปลายปิด วงแหวนปลายปิดจะถูกสอดเข้าไปในอวัยวะเพศหญิง และปลายเปิดของถุงยางจะอยู่ที่บริเวณปากอวัยวะเพศ เพื่อให้ถุงยางอนามัยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและง่ายต่อการถอดทิ้งหลังใช้งาน
ใครสามารถใช้ถุงยางผู้หญิงได้บ้าง
คนส่วนใหญ่สามารถใช้ถุงยางผู้หญิงได้โดยไม่รับผลกระทบใด ๆ ที่เป็นอันตราย แต่ถุงยางผู้หญิงอาจไม่เหมาะสมกับผู้ที่รู้สึกอึดอัดใจหรือไม่สบายใจ หากต้องสัมผัสบริเวณอวัยวะเพศของตนเอง ทั้งยังอาจไม่สามารถใช้ได้กับผู้ที่มีข้อจำกัดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ผู้มีอาการแพ้พลาสติกโพลียูรีเทนหรือยางสังเคราะห์ (Synthetic Latex)
- ผู้มีความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ซึ่งอาจส่งผลต่อความพอดีหรือการสอดใส่ถุงยางอนามัย
- ผู้ที่มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูง เช่น ผู้มีการร่วมเพศมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ผู้ที่ไม่ใช้ถุงยางผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง ผู้มีอายุต่ำกว่า 30 ปี หรือเคยประสบความล้มเหลวจากการใช้วิธีการคุมกำเนิดโดยวิธีขวางกั้น เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือหมวกครอบปากมดลูก เป็นต้น
ถุงยางผู้หญิงใช้อย่างไร
ถุงยางผู้หญิงมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์และการคุมกำเนิดประมาณ 75-82% แต่หากใช้งานอย่างถูกต้อง จะมีประสิทธิภาพสูงถึง 95% ซึ่งความผิดพลาดจากการติดเชื้อหรือตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยต่อไปนี้
- ไม่ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- ถุงยางอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์จากกระบวนการผลิต ซึ่งเกิดขึ้นเพียงน้อยครั้งเท่านั้น
- ถุงยางอนามัยฉีกหรือขาด โดยสามารถเกิดขึ้นได้ขณะแกะและใส่ถุงยาง หรือระหว่างการร่วมเพศ
- มีการสอดใส่อวัยวะเพศชายก่อนใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิง
- สารคัดหลั่งหรือน้ำอสุจิเล็ดออกนอกถุงยางขณะถอดออก
วิธีการใส่และถอดถุงยางผู้หญิงอย่างถูกต้องมีดังนี้
- แกะถุงยางอนามัยออกจากซองด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการฉีกขาด ไม่ควรใช้ปากกัด โดยส่วนปลายปิดหรือวงแหวนที่มีขอบยางหนาจะถูกสอดใส่ไว้ในอวัยะเพศหญิง และส่วนปลายเปิดหรือวงแหวนที่มีขอบยางบางจะอยู่ที่ปากช่องคลอด
- ถือถุงยางอนามัยด้วยมือข้างหนึ่ง และบีบบริเวณปลายปิดของถุงยางอนามัยให้มีขนาดเล็กลง จากนั้นจึงค่อย ๆ สอดถุงยางเข้าไปในช่องคลอด โดยใช้มือข้างที่ถนัดและอยู่ในท่าที่สบาย ซึ่งคล้ายกลับวิธีการใส่ผ้าอนามัยแบบสอด
- ใช้นิ้วมือสอดเข้าไปภายในถุงยางอนามัยและดันถุงยางอนามัยให้ถึงบริเวณปากมดลูก จากนั้นถุงยางจะคลายตัวและขยายออกเอง
- ควรตรวจสอบว่าถุงยางไม่พลิกตัวหรือพับงอ และปลายเปิดของถุงยางอยู่ที่ปากอวัยะเพศ
- เพศชายควรสอดใส่อวัยวะเพศของตนภายในถุงยางผู้หญิง และหยุดการสอดใส่หากอวัยวะเพศของตนออกนอกถุงยางอนามัย หรือปลายเปิดของถุงยางถูกดันหลุดเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้หญิง
- ควรถอดถุงยางผู้หญิงโดยการบิดวงแหวนด้านนอกหรือปลายเปิดของถุงยาง และดึงออกจากอวัยวะเพศ
- ทิ้งถุงยางอนามัยลงในถังขยะ ไม่ควรทิ้งในโถส้วม เพราะทำให้เกิดการอุดตันได้ และห้ามนำกลับมาใช้ซ้ำ
ข้อควรระวัง
- ถุงยางอาจฉีกขาดได้จากเล็บมือหรือเครื่องประดับต่าง ๆ
- ควรถอดผ้าอนามัยทิ้งก่อนใส่ถุงยางผู้หญิง
- ห้ามใช้ทั้งถุงยางผู้หญิงและถุงยางผู้ชายขณะร่วมเพศ เนื่องจากอาจเกิดการเสียดสีกันจนฉีกขาดได้
- ควรตรวจสอบว่าถุงยางอยู่ในตำแหน่งเหมาะสมและพร้อมใช้งาน
- ถุงยางอนามัยของผู้หญิงสามารถใช้ได้กับสารหล่อลื่นทุกประเภท แต่ห้ามใช้สารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมหลักของน้ำมันกับถุงยางสำหรับผู้ชาย เช่น วาสลีน หรือครีม เพราะอาจทำให้เกิดการฉีกขาดได้
- ควรถอดถุงยางอนามัยทิ้งและสวมอันใหม่ทันที หากถุงยางฉีกขาด วงแหวนรอบนอกหลุดเข้าไปในอวัยวะเพศหญิง หรือถุงยางพันกันในอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- ติดต่อแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอข้อมูลการคุมกำเนิดฉุกเฉิน กรณีที่ถุงยางฉีกขาดหรือน้ำอสุจิหกเลอะอวัยวะเพศหญิงระหว่างถอดถุงยางอนามัย
ถุงยางผู้หญิงมีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง
การเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมทั้งกับตนเองและคู่รักของตนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เช่นเดียวกับการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง และควรพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดรูปแบบอื่นเพื่อการป้องกันเพิ่มขึ้น
ข้อดีของการใช้ถุงยางผู้หญิง
- ช่วยป้องกันการแลกเปลี่ยนสารคัดหลั่ง เช่น น้ำอสุจิหรือน้ำหล่อลื่นในอวัยะเพศหญิง และการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น HIV เป็นต้น
- ถุงยางผู้หญิงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้หากใช้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง
- สามารถสวมใส่ได้ขณะที่กำลังจะมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้า
- สามารถใช้ได้ขณะมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหลังการให้กำเนิดบุตร
- มักไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้งาน
- สามารถใส่ถุงยางผู้หญิงได้นานถึง 8 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์
ข้อเสียของการใช้ถุงยางผู้หญิง
- หาซื้อได้ยากและมักมีราคาแพงกว่าถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย
- ปิดกั้นการสัมผัสกันโดยตรงของอวัยวะเพศชายและหญิง
- อาจเกิดอาการระคายเคือง แพ้ถุงยางอนามัย หรือตกขาวผิดปกติ
- การใส่ถุงยางผู้หญิงอาจขัดจังหวะการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยใช้การเล้าโลมหรือใส่ถุงยางก่อนการร่วมเพศ
- การใช้ถุงยางผู้หญิงอาจก่อให้เกิดเสียงที่ไม่พีงประสงค์ระหว่างการร่วมรัก ซึ่งแก้ไขได้โดยการใช้สารหล่อลื่น
- ถุงยางอนามัยมีความทนทานมาก แต่อาจฉีกขาดหรือเลื่อนไหลได้ระหว่างการร่วมเพศ
- การเสียดสีของถุงยางผู้หญิงอาจลดการกระตุ้นบริเวณปุ่มกระสันหรือคลิตอริส (Clitoris) หรือการหล่อลื่นที่เกิดขึ้นภายในอวัยวะเพศ ซึ่งอาจส่งผลให้การร่วมเพศไม่น่าพีงพอใจเท่าที่ควร แต่สามารถแก้ไขได้โดยการใช้สารหล่อลื่น
ถุงยางผู้หญิงหาได้ที่ไหนบ้าง
สามารถสอบถามได้จากสถานที่แจกถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชาย หรือขอรับได้จากสถานที่ต่าง ๆ เช่น
- คลีนิคแพทย์ทั่วไป
- คลีนิคสุขอนามัยทางเพศ
- คลีนิคคุมกำเนิดหรือการวางแผนครอบครัว
ทั้งนี้ ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงยังไม่ค่อยมีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในประเทศไทย แต่อาจหาซื้อได้จากสถานที่ต่อไปนี้
- ห้างสรรพสินค้า
- ร้านขายยา
- เว็บไซต์ โดยควรตรวจสอบว่าผู้ขายเป็นเภสัชกรหรือผู้ค้าปลีกที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น